ซ่าส์ทุกลมหายใจ
พระพิฆเนศ
รับซื้อเพชร

ตั้งชื่อมงคล

ตั้งชื่อมงคล ตั้งชื่อลูก หาชื่อมงคล พร้อมความหมายของชื่อ ฟรี ที่เว็บ ตั้งชื่อมงคล.com

ลิงค์แนะนำ

Procreate Brushes

ร้านรับซื้อเพชร
แหวนเพชร สร้อยเพชร จี้เพชร เพชรกะรัต เพชรร่วง รับซื้อทุกสภาพ ให้ราคาสูง ร้านเปิดทุกวัน ประเมินราคาให้ฟรี รับซื้อถึงบ้าน.

วิธีง่าย ๆ ที่ช่วยเพิ่มระดับการเผาผลาญ และลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น

เทรนด์สายสุขภาพกำลังมาแรงมาก ๆ ทั้งการออกกำลังกายและการทานอาหารที่เหมาะสม ล้วนทำให้สุขภาพร่างกายของเราแข็งแรง สำหรับใครที่ต้องการลดน้ำหนัก การรับประทานอาหารและการออกกำลังกายอย่างเหมาะสมจะเป็นรากฐานที่สำคัญในการลดน้ำหนักอย่างแท้จริง ในเรื่องของการเผาผลาญ คาสิโนสดประเทศไทย มีเกมสนุก ๆ มากมายให้เล่น แถมได้ค่าขนมอีกด้วย มีหลายวิธีที่ช่วยเร่งระดับการเผาผลาญได้ตามธรรมชาติ ช่วยให้น้ำหนักลดลงเร็วมากขึ้น แต่อาจจะไม่ได้ช่วยให้น้ำหนักลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ถือว่าเป็นประโยชน์สำหรับร่างกายของเรา มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

ตัวช่วยในการเร่งการเผาผลาญของร่างกาย ไม่ใช้ยา หรืออาหารเสริมใด ๆ

1. ดื่มน้ำให้มากขึ้น
การศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้แสดงให้เห็นว่า การดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารทำให้น้ำหนักลดลงในผู้ทดลอง การศึกษาพบว่าผู้ที่จะดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารจะอิ่มเร็วขึ้น และกินน้อยกว่าคนที่ไม่ดื่มน้ำ โดยพื้นฐานแล้ว เราจะได้รับแคลอรีจากอาหารน้อยลงนั่นเอง การดื่มน้ำมากขึ้นช่วยบรรเทาอาการขาดน้ำได้ ซึ่งเป็นตัวการในการทำลายการเผาผลาญ เมื่อเราขาดน้ำ ร่างกายของเราจะหลอกให้คิดว่าเราหิว ครั้งต่อไปที่เรารู้สึกหิว ลองดื่มน้ำสักแก้วก่อนเพื่อดูว่าเราหิวจริง ๆ หรือแค่ขาดน้ำ นอกจากนี้ น้ำยังช่วยเร่งการเผาผลาญและขับสารพิษออกจากร่างกาย เพื่อให้มั่นใจว่าอวัยวะของเราสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

2. ดื่มชาเขียว หรือมัทฉะ
ชาเขียวขึ้นชื่อในเรื่องสารประกอบต้านมะเร็ง แต่ก็ยังมีหมัดเด็ดอีกอย่างหนึ่งเมื่อพูดถึงการลดน้ำหนัก แม้ว่าชาเขียวจะมีคาเฟอีนอยู่บ้าง (เป็นตัวกระตุ้นการเผาผลาญในตัวเอง) แต่ก็ยังเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ สารต้านอนุมูลอิสระในการเผาผลาญไขมันที่โดดเด่นที่สุดคือ ECGC (Epigallocatechin gallate) ซึ่งได้รับการพิสูจน์ในการศึกษาจำนวนมากแล้วว่า เป็นการเผาผลาญที่ส่งเสริมและเพิ่มกระบวนการเผาผลาญไขมันได้เป็นอย่างดี

มัทฉะ เป็นชาเขียวประเภทหนึ่งที่ถือเป็นแหล่งสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระที่เข้มข้นที่สุดในบรรดาชาเขียวทุกประเภท นั่นหมายถึงสาร ECGC มากขึ้น และพลังในการเผาผลาญไขมันที่มากขึ้น มัทฉะทั้งใบจะถูกบดเป็นผงละเอียดและบริโภคในน้ำร้อนแทนที่จะแช่ใบในน้ำแล้วเอาออก มัทฉะ 1 แก้วเทียบเท่ากับชาเขียว 10 แก้วในแง่ของคุณค่าทางโภชนาการและปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระ

3. หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป
อาหารแปรรูปเต็มไปด้วยสารตัวเติม จีเอ็มโอ สารกันบูด น้ำตาล คาร์โบไฮเดรต ไขมันทรานส์ และแคลอรีเปล่า หลังจากทานอาหารเหล่านี้แล้ว เราจะไม่รู้สึกอิ่มและจะกินต่อไป บางครั้งอาจมีการเพิ่มส่วนผสมต่าง ๆ เช่น เกลือ น้ำตาล และไขมันในอาหารแปรรูปเพื่อให้มีรสชาติดีขึ้นและเพื่อยืดอายุการเก็บรักษา อาหารเหล่านี้มีแคลอรีสูงมากและมีคุณค่าทางโภชนาการน้อยมาก ซึ่งมีส่วนทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น เพื่อให้ระดับน้ำตาลในเลือดของเราคงที่และการเผาผลาญเพิ่มขึ้น ควรลดน้ำตาลและธัญพืชขัดสี ให้เลือกอาหารประเภทโฮลเกรนที่มีไฟเบอร์สูงแทน เช่น ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ขนมปังโฮลวีต เป็นต้น

4. เพิ่มโปรตีน
โปรตีนเป็นสารอาหารที่สำคัญสำหรับการลดน้ำหนักและต้องการพลังงานในการย่อยมากขึ้น โปรตีนมีสิ่งที่เรียกว่า “thermic effect of food” (TEF) ซึ่งเป็นพลังงานที่ร่างกายของเราใช้ในการย่อยอาหาร โปรตีนมี TEF สูงกว่าคาร์โบไฮเดรตและไขมัน นั่นหมายความว่าเรากำลังเผาผลาญแคลอรีมากขึ้นเพื่อประมวลผลโปรตีนในร่างกาย การกินปลา เนื้อไม่ติดมัน ไข่ และโปรตีนจากพืชช่วยให้ระดับเมตาบอลิซึมของเราทำงานได้นาน ทำให้รู้สึกอิ่มนานมากขึ้น

5. เติมวิตามินดีให้ร่างกาย
แพทย์และนักวิทยาศาสตร์เห็นตรงกันว่า มีความเชื่อมโยงที่ชัดเจนระหว่างบุคคลที่เป็นโรคอ้วนและภาวะขาดวิตามินดี กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ หากเรามีน้ำหนักเกิน หมายความว่าร่างกายของเราอาจขาดวิตามินดีด้วย การวิจัยยังแสดงให้เห็นว่า การเพิ่มระดับวิตามินดีช่วยลดน้ำหนักได้ในขณะที่รับประทานอาหารที่มีแคลอรีต่ำ การวิจัยล่าสุดพบว่า ผู้หญิงที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน หลังจากที่พวกเขาน้ำหนักลดลง ร่างกายก็จะมีระดับวิตามินดีเพิ่มขึ้น เราสามารถรับวิตามินดีได้จากแสงแดด นอกจากนี้ยังพบได้ในอาหาร เช่น ปลาแมคเคอเรล แซลมอน เห็ด เป็นต้น

6. กินผัก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการเพิ่มผักใบเขียวลงไปในอาหารของเรานั้นยอดเยี่ยมสำหรับการลดน้ำหนัก ผักให้วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระมากมายแก่ร่างกาย และยังทำให้เรารู้สึกอิ่มนานขึ้น เนื่องจากมีไฟเบอร์และปริมาณน้ำที่สูง นอกจากนี้ยังเป็นขุมทรัพย์ของสารอาหารอีกด้วย เมื่อร่างกายของเราได้รับการหล่อเลี้ยงอย่างเหมาะสม เรามักจะกระหายสิ่งเลวร้ายน้อยลง (อาหารที่ไม่ดี) เพื่อให้ทานผักได้มากขึ้น ลองทานสลัดทุกวันในมื้อ หรือผัดผักต่าง ๆ ในมื้ออาหาร หรือจะเสริมด้วยน้ำผักปั่นแบบง่าย ๆ

7. เพิ่มความเผ็ดร้อนด้วยพริก
สารแคปไซซินเป็นสารเคมีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่พบในพริก ทำให้ได้รสชาติเผ็ดร้อน เป็นสารประกอบชนิดเดียวกันที่สามารถเพิ่มการเผาผลาญของร่างกายได้ การศึกษาพบว่าพริกเผ็ดหนึ่งชามช่วยให้การเผาผลาญเพิ่มขึ้นชั่วคราวได้ประมาณ 8% มากกว่าการเผาผลาญแคลอรีทั่วไป แม้ว่าเราอาจจะต้องกินแคปไซซินเป็นจำนวนมากเพื่อให้มีผลอย่างมากต่อการลดน้ำหนัก แต่การเพิ่มอัตราการเผาผลาญชั่วคราวนี้อาจช่วยระงับความอยากอาหารได้เล็กน้อย ผลการศึกษาพบว่า เมื่อผู้ชายกินอาหารเรียกน้ำย่อยพร้อมกับซอสเผ็ด พวกเขากินอาหารได้น้อยกว่ามื้อที่ไม่ได้ทานรสเผ็ดถึง 200 แคลอรี การศึกษาจึงสรุปว่าอาหารรสเผ็ดอาจช่วยระงับความอยากอาหารเล็กน้อยได้นั่นเอง

8. รับประทานข้าวเช้า
หากต้องการเริ่มต้นวันใหม่อย่างถูกต้อง และเพิ่มอัตราการเผาผลาญ ให้เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการรับประทานอาหารเช้าที่สมดุล เราไม่เพียงเผาผลาญแคลอรีผ่านการย่อยอาหารเท่านั้น การรับประทานอาหารเช้ายังช่วยเพิ่มระดับพลังงานของเรา ซึ่งช่วยเพิ่มแคลอรีที่เผาผลาญไปตลอดทั้งวันอีกด้วย ควรเลือกอาหารเช้าที่อุดมด้วยโปรตีน เช่น ไข่ เป็นต้น การทานอาหารเช้ายังช่วยป้องกันการกินที่มากเกินไปในระหว่างวันอีกด้วย

การลดน้ำหนักนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก ๆ แม้ว่าในช่วงแรกน้ำหนักจะลงเร็วมาก ๆ แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง ร่างกายจะอิ่มตัว น้ำหนักจะเริ่มคงที่มากขึ้น ทำให้ลดน้ำหนักได้ยากขึ้น ตัวช่วยเหล่านี้สามารถเพิ่มระดับการเผาผลาญได้ไม่มากก็น้อย เป็นวิธีที่ปลอดภัยและยังสุขภาพดีอีกด้วย กินน้ำเยอะ ๆ กินผัก เสริมด้วยชาเขียวร้อน ๆ สักแก้ว ทานอาหารรสเผ็ดจัดจ้านในบางครั้ง สิ่งเหล่านี้สามารถทำได้ง่าย ๆ ในชีวิตประจำวันของเรา แต่ต้องออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย