news

 

ที่โรงเรียนบ้านสันติสุข ต.นาขุนไกร อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย มีเด็กชายและหญิง 3 คนพี่น้อง คือ เด็กชายรามพิรุณ แก้วบุรี หรือ น้องโบ๊ต อายุ 14 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.6 เด็กชายธีระพงษ์ แก้วบุรี หรือ น้องป่าน อายุ 10 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.4 และเด็กหญิงจันทร์ฉาย แก้วบุรี หรือ น้องจ้า อายุ 8 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.2 โดยทั้ง 3 ใช้ชีวิตอยู่กันตามลำพังในบ้านเลขที่ 108 ม.2 ต.นาขุนไกร อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย โดยไม่มีผู้ใหญ่คอยดูแล

น้องโบ๊ตเล่าว่า โตมาในครอบครัวที่พ่อแม่มีอาชีพรับจ้าง ต้องเร่ร่อนเดินทางไปทำงานก่อสร้างตามที่ต่างๆ จนเป็นสาเหตุให้ตนเองเรียนช้ากว่าเกณฑ์ อีกทั้งในช่วงหลังจะเห็นพ่อและแม่ทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำจากการดื่มสุรา ในที่สุดเมื่อ 3 ปีที่แล้ว แม่ก็พามาอาศัยกับลุง โดยปู่ยกบ้านที่ว่างให้พักพิง เห็นหน้าแม่ครั้งหลังสุดเมื่อปีที่แล้วตอนแม่มาหา จากนั้นก็ไม่เคยเจอกันอีกเลย

น้องโบ๊ตยังบอกว่าคิดถึงพี่ชายที่ชื่อ นายตะวัน แก้วบุรี ที่มีอายุมากกว่าตน 2 ปี แต่ตอนนี้พี่ตะวันต้องกลายเป็นหัวหน้าครอบครัวทั้งๆที่อายุเพียง 16 ปี ต้องออกจากโรงเรียน แล้วไปรับจ้างทำงานก่อสร้าง ซึ่งไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน แต่พี่ชายจะส่งเงินผ่านมาทางคุณครูที่โรงเรียนบ้านสันติสุข ซึ่งจะมีสมุดบัญชีให้ตนเบิกจ่ายเป็นค่าอุปกรณ์การเรียนและค่าน้ำค่าไฟ ครั้งหนึ่งตนเองไม่มีเงินไปจ่ายค่าไฟฟ้า เคยถูกยกมิเตอร์ไฟต้องเสียค่าปรับ จากนั้นคุณครูเลยเป็นภาระจัดการเรื่องต่างๆให้ โดยคุณครูวริสรา ศรีสำโรง และคุณครูจุฑารัตน์ พันธ์เขียว คุณครูอัตราจ้างที่คอยใส่ใจ คอยดูแล คอยตักเตือนสั่งสอน จนถึงแบ่งภาระหน้าที่ในบ้านให้เด็กๆ ทั้ง 3 ทำ อีกทั้งจัดทำสมุดบัญชีค่าใช้จ่ายที่บางส่วนได้จากการสนับสนุนจากคนที่รู้จักและชาวบ้านใกล้เคียงที่สงสาร ช่วยเหลือมาเป็นครั้งคราว

โดยแต่ละวันน้องโบ๊ต และน้องป่านต้องตื่นแต่เช้า มาหุงข้าวทำกับข้าวส่วนใหญ่ก็จะทอดไข่ หรือยำปลากระป๋องที่มีผู้บริจาคมา เตรียมเสื้อผ้าชุดนักเรียนและถุงเท้าที่มีคนละชุด อาบน้ำให้น้องและขี่จักรยานที่มีผู้ใจบุญบริจาคให้ไปโรงเรียนที่ห่างกับบ้านประมาณ 2 กิโลเมตร หลังเลิกเรียนก็จะกลับมาแบ่งหน้าที่กัน 2 คน หุงหาอาหาร ซักผ้า ล้างจาน สอนน้องทำการบ้าน และพาน้องๆ เข้านอนจนกลายเป็นหน้าที่ที่ต้องทำประจำทุกวัน โชคดีที่เรื่องค่าเทอม และค่าอาหารกลางวันได้รับการสนันสนุนจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุโขทัยเขต 2 และแม่ครัวของโรงเรียนก็จะแบ่งปันอาหารจากมื้อกลางวันเก็บใส่ถุงไว้ให้เด็กไปกินตอนเย็น

แต่ถึงอย่างไรก็ตามเด็กๆก็ยังขาดในส่วนความจำเป็นด้านความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งขาดความอบอุ่นจากพ่อและแม่ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ สร้างความเวทนาสงสารแก่ชาวบ้านที่พบเห็น จนกลายเป็นความรัก ความใส่ใจที่เพื่อนบ้านมีให้กับเด็กทั้ง 3 คน

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้วันนี้น้องโบ๊ต น้องป่าน น้องจ้า จะมีครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์เหมือนคนอื่นถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง พี่ชายคนโตก็ต้องตระเวนรับจ้างไปเรื่อย แต่เด็กทั้ง 3 คน เป็นเด็กขยัน เชื่อฟังผู้ใหญ่ และช่วยเหลืองานของโรงเรียนเสมอมา แต่สิ่งที่น้องโบ๊ตอยากได้มากที่สุดในเวลานี้เพื่อน้องสาว น้องจ้า ไม่ใช่เพื่อตัวเองเลย นั่นคืออยากมีห้องน้ำอยู่หลังบ้าน เพราะห้องน้ำที่ใช้อยู่อยู่ห่างตัวบ้านประมาณ 20 เมตร เวลากลางคืนน้องต้องออกมาเข้าห้องน้ำ ก็กลัวอันตราย และสัตว์มีพิษ อีกทั้งในอนาคตน้องก็ต้องโตขึ้น เมื่อน้องเป็นสาวจะได้กั้นห้องให้น้องได้อยู่เป็นสัดส่วน และที่สำคัญอยากมีทุนการศึกษาสำหรับตนเอง และน้องทั้ง 2 คน เพื่อจะได้เรียนสูงๆ ตามความฝันของป่านที่อยากเป็นตำรวจเพราะเป็นอาชีพที่มั่นคง ส่วนตัวน้องโบ๊ตเองอยากเรียนด้านช่าง เพราะมีความสามารถด้านนี้ มีความรู้ในการซ่อม และสามารถซ่อมใบพัดพัดลมโดยใช้แผ่นฟิวเจอร์บอร์ดแทน เพื่อให้น้องได้ใช้ในเวลาอากาศร้อน

ทางด้านคุณครูศรีนวล ดีประเสริฐ คุณครูประจำชั้น ป.4 ที่สอนน้องป่าน บอกว่า ป่านเป็นเด็กความจำดี และห่วงน้องสาว ซึ่งก็มีความคิดเช่นเดียวกับครู เพราะน้องจันทร์ฉายหรือน้องจ้า เป็นเด็กที่มีพัฒนาการช้า และการเป็นอยู่ค่อนข้างล่อแหลมสำหรับเด็กผู้หญิง หากมีผู้มีจิตศรัทธาก็อยากบอกบุญให้ช่วยกันทำห้องน้ำ ด้วยการเทพื้นปูนในที่ด้านหลัง ทำห้องน้ำและพื้นโล่งเพื่อประกอบอาหารและซักล้าง และมั่นใจว่าเด็กทั้ง 3 คนจะสำนึกในสิ่งที่มีคนมอบให้ และใช้เป็นพลังในการสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้กับสังคม เพราะสังคมไม่ได้ทิ้งเด็กๆไว้ตามลำพัง โดยสามารถสมทบทุนได้ที่ ชื่อบัญชี ทุนการศึกษา ด.ช.ธีรพงษ์ แก้วบุรี เลขที่บัญชี 618-0-34956-8 ธนาคารกรุงไทย สาขาศรีสำโรง


ขอขอบคุณข่าวจาก