news

บรรยากาศพิธีรดน้ำศพ น้องอิน ณัฐนิชา เชิดชูบุพการี ณ วัดราชสิงขร พระอารามหลวง ถนนเจริญกรุง กรุงเทพฯ มีครอบครัวและเพื่อนสนิท ทยอยเดินทางมาร่วมไว้อาลัย ท่ามกลางความโศกเศร้ากับการสูญเสียอย่างกะทันหัน

โดยก่อนหน้านี้ ยังคงมีข้อสงสัยว่า น้องอิน ขับรถไปอยุธยาทำไม เนื่องจากเวลาประมาณ 01.16 น. วันที่ 7 เม.ย. คุณแม่ได้โทรศัพท์หาลูกสาว สอบถามว่ากลับที่พักคอนโดที่บางนาหรือยัง เนื่องจากก่อนหน้านั้นทราบว่าลูกสาวไปเที่ยวพัทยากับเพื่อนๆ โดยจากการพูดคุยลูกสาวบอกว่าอยู่คอนโดที่บางนาเรียบร้อยแล้ว แม่ก็ไม่ได้ซักถามอะไรอีก

ล่าสุด บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ซึ่งสนิทสนมกับครอบครัวน้องอิน และเป็นผู้จัดการเรื่องศพ รวมถึงเป็นเจ้าภาพพิธีสวดพระอภิธรรมศพ ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชน ถึงเรื่องราวทั้งหมดก่อนที่น้องอินจะประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต

“ผมเป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรมวันนี้ และเป็นเจ้าภาพตลอดทั้งงาน เรื่องจริงทั้งหมดที่ผมจะพูด ตั้งแต่เหตุการณ์ลำดับแรก ว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์ในคืนนั้น ผมได้คุยกับอดีตแฟนของน้องอินคือเบลที่เป็นผู้ชาย และแฟนคนปัจจุบันคือน้องไทม์ ซึ่งเป็นทอม วันนั้นน้องไปพัทยากับเพื่อน 4-5 คน ตอนนั้นประมาณ 3 ทุ่มเกือบ 4 ทุ่ม น้องไทม์เป็นแฟนใหม่ที่รู้จักกับน้องอินเป็นปีแล้ว แต่ตอนนั้นไทม์ไปเรียนต่อที่อังกฤษ และอินก็ได้มาสนิทสนมและคบกับน้องเบล จนทั้งคู่ก็ได้ห่างกันและเลิกกันแล้ว แต่ก็ยังทำธุรกิจเครื่องสำอางด้วยกันอยู่ แล้วไทม์ก็ได้กลับมาที่เมืองไทย แล้วอินก็ได้กลับมาคบกับน้องไทม์ต่อ วันนั้นที่อินอยู่พัทยา น้องอินก็โทรมาหาน้องไทม์ บอกว่าเบื่อมากที่พัทยาจะไปหาไทม์ได้ไหม ไทม์บอกว่าถ้าเที่ยงคืนแล้วไม่ต้องมา เพราะมันดึกเกินไป แต่น้องอินก็ถามน้องไทม์ว่าจากพัทยาไปอยุธยากี่กิโล น้องไทม์บอกว่า 200 กว่ากิโล อินเลยบอกว่าใช้เวลาชั่วโมงกว่าก็ถึงแล้ว ซึ่งไทม์บอกว่าเป็นไปไม่ได้ อย่างน้อยต้องใช้เวลา 3 ชั่วโมง ถ้าจะมาจากพัทยา 4 ทุ่ม ก็ต้องมาถึงอยุธยาเที่ยงคืน ไทม์ก็ไม่ให้มา แต่ด้วยความที่น้องอินอยากจะเจอน้องไทม์”

“ประมาณตี 1 กว่า น้องอินมาถึงกรุงเทพ คุณแม่โทรหาน้องอินประมาณ 01.17 น. ถามว่าน้องอินอยู่ไหน น้องอินบอกแม่ว่าอยู่คอนโดแถวบางนา แต่ความจริงน้องอินไม่ได้อยู่คอนโด แต่กำลังไปอยุธยา แต่ตอนนั้นยังไม่ถึงอยุธยา ประมาณเกือบ 02.00 น น้องอินยังไม่ถึงอยุธยา แต่บอกกับไทม์ว่าอีกประมาณ 50 กิโล จะถึงอยุธยา ตอนนั้นไทม์อยู่อยุธยาบอกว่าตอนนี้ฝนตกหนักมาก ถ้าอินอยู่กรุงเทพก็ไม่ต้องมา ให้ตีรถกลับกรุงเทพไปเลย แต่อินบอกว่าจะถึงแล้ว ถ้ามาแล้วยังไงก็ต้องขอเจอ เพราะว่าคิดถึง และน้องไทม์เขาบอกเรื่องหนึ่งว่า คือคุยกันประสาแฟน ว่าน้องไทม์จะลงรูปคู่กับน้องอินในอินสตาแกรมได้ไหม เปิดเผยได้ไหมว่าเราคบกัน น้องอินก็บอกได้เลยไม่เป็นไร แต่ด้วยความที่อารมณ์อะไรก็ไม่รู้ ที่น้องอินไม่พอใจน้องไทม์นิดหน่อยระหว่างทาง ไทม์บอกว่ามีปากเสียงกัน จนกระทั่ง 02.30 น. เริ่มคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว น้องอินบอกว่าเอาอย่างนี้ดีกว่า เจอกันค่อยคุยกันเลยวางสายไป หลังจากวางสายไปได้ประมาณ 2 นาที ไทม์ก็โทรหาใหม่ น้องอินก็รับ คุยกันไม่ถึงนาทีก็บอกว่ากำลังจะถึงแล้ว กำลังจะรีบขับรถ แล้วก็วางสายใหม่ จากนั้นน้องไทม์ก็ไม่ได้โทรตามอีก”

“จนกระทั่ง 03.00 น. โทรไปอีกก็ไม่ได้รับการติดต่อ โทรไป 10-20 รอบก็ไม่มีคนรับ น้องไทม์เลยเข้าใจว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในวันนั้น น้องอินยังไปไม่ถึงน้องไทม์ อยู่ระหว่างกำลังจะถึงอยุธยาแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้น ณ ตอนนั้น เพราะดูจากที่เกิดเหตุแล้วไม่มีรอยเบรกเลย แสดงว่าขับรถมาด้วยความเร็วมาก ประกอบกับฝนตกถนนลื่น ตอนที่กู้ภัยไปเจอรถและร่างของน้องอิน ตอนนั้นน้องอินเริ่มมีการแข็งแล้ว คือต้องเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 4-5 ชั่วโมง แน่นอนว่าน้องอินต้องเสียชีวิตประมาณ 03.00 น. ตอนที่น้องไทม์จะโทรมาถามว่าถึงหรือยัง ทำไมหายไปนาน หรือว่ากลับกรุงเทพก็เป็นห่วง จนตี 4 ก็ยังโทร จนไม่ไหวแล้ว คิดว่าน้องอินคงงอนและกลับกรุงเทพไปแล้ว จนกระทั่งทราบข่าวเสียชีวิตประมาณ 09.00 น. คาดว่าตอน 03.00 น. ที่น้องอินประสบอุบัติเหตุไม่มีรถผ่านมาเลย จนมาเจอตอนเช้า”

“น้องไทม์ยืนยันว่าน้องอินไม่ได้กินเหล้า ไม่ได้ง่วงนอน ตอนคุยก็ยังปกติมาก ไม่มีอาการแบบนั้นเลย คิดว่าน่าจะเป็นลักษณะรีบขับ แล้วฝนตกหนักไป จึงชนขอบสะพาน ซึ่งไม่มีรอยเบรคเลย”

“ส่วนเรื่องโทรศัพท์ที่หายไป ผมถามน้องไทม์และถามกู้ภัยไม่มีใครรู้เหมือนกัน ไม่มีใครเจอ มันอาจจะกระเด็นตกตรงไหนสักที่ ที่เรายังไม่ได้ไปหาจริงๆจังๆ”

“ส่วนเรื่องที่กู้ภัยอินบ็อกซ์ไปในเฟซบุ๊กส่วนตัวของน้องแบมบี้ ผมไม่ทราบข้อมูลนี้ ว่าทราบได้ยังไง เพราะวันนั้นกู้ภัยที่มาส่ง ผมก็อยู่ เขาก็เล่าให้ฟังว่าเจอร่างน้องอินประมาณ 7 โมงกว่า เจอกระเป๋าสตางค์ และของทุกอย่าง แล้วก็ตามหาญาติ แต่ผมไม่รู้ว่าเขาไปอินบ็อกซ์ถามใคร ผมไม่ทราบ ส่วนเรื่องโทรศัพท์ก็ต้องหาต่อไป”

“ถนนเส้นนั้นน้องไม่เคยไป บ้านน้องไทม์ไม่ได้อยู่อยุธยา เพียงแต่เขาไปเที่ยวที่อยุธยาแล้วน้องอินจะไปหาเท่านั้นเอง ในข่าวบอกว่าน้องทอมคนนี้เรียกน้องอินไป แต่น้องไทม์ห้ามแล้วว่าถ้าเกินเที่ยงคืนไม่ต้องมา แต่อินพยายามจะไปหา ไม่ได้ทะเลาะกัน แต่มีขึ้นเสียงกันนิดหน่อย และน้องไทม์บอกว่าถ้าอินจะขึ้นเสียงอย่างนี้อย่าเพิ่งคุยดีกว่า แล้วกำลังขับรถด้วย เขาก็โอเคบอกว่าไปถึงแล้วค่อยคุยกัน ตอนนี้ไทม์เขาก็เสียใจมาก”

เมื่อสักครู่เห็นเดินไปถามน้องไทม์ ?
“ผมต้องคุยเพราะต้องเอาเรื่องจริงมาพูด เพราะเมื่อวานผมเจอ ผมก็ฟังจากน้องเบลมาระยะนึงว่ามันเป็นยังไง แต่พอน้องไทม์พูด โอเค มันคนละเรื่อง น้องเบลอาจจะเข้าใจผิด”

ได้เห็นแชทหรือข้อความที่คุยกันไหม ?
“เมื่อกี้เขาเอาให้ดูครับ ระยะทางนี่เขาคุยกันมาตลอดจนกระทั่งถึง 02.30 น. จนกระทั่งมีการโทรอีกครั้งตอน 02.32 น. แล้วก็ไม่ได้ติดต่อกัน แล้วเขาก็โทรอีกตอนตี 3 กว่าๆ ก็ยังติดอยู่นะ โทรศัพท์ติดอยู่ตลอด นั่นเขาก็คิดว่างอนก็เลยหลับ”

ทางคดีความต้องเคลียร์ไหมกับน้องไทม์ ต้องมีการสอบปากคำเพิ่มหรือไม่ ?
“ผมไม่ทราบเรื่องคดีความอะไร ก็แล้วแต่ทางญาติ ถ้าญาติรู้สึกว่าอยากจะค้นหาความจริงว่าเป็นยังไง แต่ถ้าไม่ติดใจก็คือไม่มีคู่กรณี คือเกิดอุบัติเหตุด้วยตัวเอง”

รถเองก็ไม่มีอะไรผิดพลาดในเรื่องของการทำงานใช่ไหม ?
“ไม่มีครับ เพราะการขับมาด้วยความเร็วและไม่สามารถเอารถหยุด รถบีเอ็มคันนี้ออกมาครั้งแรกเนี่ยประมาณ 2 อาทิตย์ ก็มาเรียกผมไปนั่ง ก็พูดตรงนี้ว่าทำไมผมต้องมาเกี่ยวกับน้องอิน น้องอินรู้จักผมตอนอายุ 8 ขวบ ก็เหมือนกับเป็นญาติคนนึงของผม ก็สนิทสนมกันมาตลอด ไปไหนก็จะเรียกน้องอินไป น้องอินเป็นคนที่ธรรมะธัมโม เข้าวัดไปกับผมไปนั่งวิปัสสนา ไปเก็บศพไร้ญาติเขาก็จะไปตลอด เราเลยคิดว่าสิ่งนึงที่เกิดขึ้นเนี่ย ผมก็แปลกใจว่าทำไมถึงต้องเกิดเรื่องนี้ขึ้นกับน้องอิน เรารู้จักน้องมาตลอด แล้ววันนั้นที่เขาเอารถมารับเราก็แปลกใจว่าขับรถเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ คือมีสักระยะนึงที่น้องอินเข้ามหาลัย ก็จะหายจากผมไปสักระยะนึงก็มีติดต่อมาว่าน้องอินออกรถแล้วนะ พี่บิณฑ์มานั่งหน่อยสิ ก็ตกใจมาก ขับรถเร็วมาก เราก็บอกอย่าขับรถแบบนี้นะอันตรายมาก เขาก็บอกไม่เป็นไรน้องอินดูแลตัวเองได้ ตอนนั้นขับความเร็วประมาณ 130-140 ปกติเราขับผู้ชายโอเคเอาอยู่ แต่น้องอินเนี่ยตอนนั้นประมาณ 19-20 ก็รู้สึกว่าเร็วเกินไป แล้วล่าสุดเมื่อประมาณ 5 วันที่ผ่านมา ผมก็ไปทานข้าวกับน้องอินมา แม่พาน้องอินมาคุยเรื่องธุรกิจนี่แหละ ก็มานั่งคุย นั่งทานข้าวกัน นั่นคือเหมือนกับว่าเป็นลางสังหรณ์ล่าสุด เพราะน้องบอกว่าไม่ได้เจอกันนานแล้ว มาเจอกันหน่อย แล้วเมื่อวานก่อนเสียชีวิตเมื่อตอนเที่ยงวันก็ไลน์มาถามว่าว่างเมื่อไหร่ ผมก็บอกตอนนี้กำลังยุ่งอยู่แต่ก่อนสงกรานต์เจอกันแน่ แล้วตอนเช้าก็มาเจอว่าน้องเสียชีวิต”

เรื่องราวที่เกิดขึ้นแม่น้องอินได้รับทราบทุกอย่างแล้วใช่ไหม ?
“บางเรื่องก็ยังไม่ได้รับทราบ เพราะตอนนี้ยังโศกเศร้าก็เลยยังไม่ได้พูดอะไร แต่เพียงรู้คร่าวๆ ว่าตอนคุณแม่โทรหาน้องอินตอน 01.17 น. น้องอินบอกว่าอยู่คอนโด เพราะอยากให้แม่สบายใจ”

เหตุผลที่พี่ตัดสินใจออกมาพูดเพราะอะไร ?
“อยากให้ทุกคนรู้เลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเนี่ยมันเป็นมาเป็นไปยังไง บางคนไปบอกว่าน้องอินขับรถกินเหล้าเมา คืออยากให้รู้ว่าไม่ใช่ แล้วก็ไม่ได้ง่วงด้วย ตอนแรกผมให้ข่าวยังคิดว่าผมผิดเลย เพราะขับรถจากพัทยาเนี่ยคิดว่าน้องง่วง แต่น้องไทม์พูดแล้วว่าน้องอินไม่ได้ง่วงเลย ขับรถมีสติสัมปชัญญะทุกอย่าง ด้วยความที่ไม่เคยชินพื้นที่ แล้วประกอบว่าฝนตกหนักแล้วเกิดอุบัติเหตุ”

หลังพิธีศพคุณแม่จะทำอย่างไรต่อไป ?
“ก็เดี๋ยวเราสวด 3 คืน วันนี้วันแรก วันที่ 9-10 แล้ววันที่ 11 ก็ฌาปนกิจเลย แล้ววันที่ 12 ก็เอาน้องไปลอยอังคาร แล้ววันที่ 17 ก็มีทำบุญ 7 วัน”

วางแผนในการเยียวยาคุณแม่ยังไง ?
“ก็ไม่ห่วงครับเพราะวันนี้ญาติพี่น้องก็มาเยอะ ก็บอกว่าต่อไปนี้จะเข้ามาดูแล ไม่ให้อยู่คนเดียว เพราะกลัวจะเป็นโรคซึมเศร้า กลัวคิดมาก ก็โอเคดี เพราะว่าเรื่องทั้งหมดในวัดผมเป็นคนจัดการเอง ส่วนลอยอังคารน่าจะวัดช่องลม เห็นแม่เขาว่าครับ”


ขอขอบคุณข่าวจาก