จากกรณีในสังคมออนไลน์เผยแพร่คลิปเหตุการณ์จากกล้องติดหน้ารถ เมื่อวันที่ 23 ม.ค. เวลา 18.00 น. บริเวณถนนเส้นทางสาย ต.ป่ากลาง อ.ปัว จ.น่าน โดยพบรถจักรยานยนต์ล้มอยู่ข้างถนน และเห็นผู้ชายกำลังฉุดหญิงสาวเข้าป่า โดยผู้หญิงพยายามขัดขืน และร้องขอความช่วยเหลือ เจ้าของโพสต์จึงพากันเข้าไปช่วย ซึ่งชายดังกล่าวได้ชี้หน้า ก่อนวิ่งหนีขี่รถจักรยานยนต์ออกไป

>> ตะครุบจับ “ไอ้หนุ่มหื่น” ฉุด “ครูสาว” ลากเข้าป่าไปข่มขืน พลเมืองดีเห็นช่วยทัน

( 24 ม.ค. 62) นายชาติชาย แสนคำแพ พลเมืองดี เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุการณ์ ตนขับรถกระบะผ่านมา โดยท้ายกระบะมีเพื่อนๆ นั่งมาด้วยกัน 8 คน ขณะเห็นรถจักรยานยนต์ล้มอยู่ข้างทาง จึงจอดรถกระบะเพื่อลงมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น และได้ยินเสียงผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือ โดยมีชายหนุ่มผู้ก่อเหตุกำลังฉุดกระชากลากแขน หญิงสาว และตะโกนบอกว่า เป็นเรื่องของผัวเมียทะเลาะกัน คนอื่นไม่เกี่ยว อย่ามายุ่ง แต่ผู้หญิงบอกว่าไม่ใช่ผัวเมียกัน

news

ปรากฏว่าระหว่างนั้น ตนและเพื่อนๆ ลงจากรถไปกันหลายคน ผู้ก่อเหตุเห็นท่าไม่ดีจึงวิ่งหนีไป โดยยังไม่ทันได้ทำอะไรผู้หญิง ส่วนผู้เสียหายนั้นอยู่ในอาการตื่นตกใจ เมื่อผ่านไปครู่ใหญ่ เพื่อนของฝ่ายหญิงจึงมาถึงจุดเกิดเหตุ ตนเองจึงบอกว่าภายในรถมีกล้องหน้ารถติดอยู่ แต่ไม่แน่ใจว่าจะเห็นเหตุการณ์หรือไม่ จากนั้นตนกลับมาบ้าน จึงตรวจสอบดูพบว่ากล้องสามารถบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดไว้ได้ ต้องมาจึงโพสต์วิดีโอดังกล่าวภายในเฟซบุ๊กส่วนตัว และส่งคลิปนี้ไปให้ผู้เสียหายเป็นหลักฐาน

นายชาติชาย เปิดใจอีกว่า หลังเป็นข่าวมีหลายคนชมว่าตนเป็นพลเมืองดี ตนเองรู้สึกดีใจ แต่แท้จริงแล้ว ผู้ที่ให้ความช่วยเหลือไม่ได้มีเพียงตนคนเดียว เพราะขณะนั้นมีคนขับรถกระบะคันหน้า ลงมาช่วยเหลือเหมือนกัน จึงอยากฝากบอกสังคมว่า หากเกิดเหตุซึ่งหน้าก็อย่าเมินเฉย อย่างน้อยก็ควรลงไปดูเหตุการณ์ เผื่อเกิดเหตุร้าย จะได้ช่วยเหลือผู้อื่นได้ พร้อมเปิดเผยอีกว่า ผู้เสียหาย ได้โทรศัพท์มาขอบคุณตนเรียบร้อยแล้ว

ด้าน ตำรวจ สภ.ปัว สามารถจับกุมชายหนุ่มที่ก่อเหตุได้แล้ว โดยเป็นนักศึกษาฝึกวิชาชีพแห่งหนึ่ง อายุ 20 ปี สารภาพว่า วันก่อเหตุขี่รถไปหาแฟนสาวที่บ้านป่ากลาง อ.ปัว แต่ไม่พบตัว ขณะขับขี่รถกลับออกมา สวนทางกับครูสาวเห็นว่าสวยถูกใจ จึงเกิดอารมณ์ทางเพศขึ้นมาทันทีด้วยอารมณ์ชั่ววูบ

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกาย กระทำการอนาจาร และพยายามข่มขืน


ขอขอบคุณข่าวจาก