ถุงยางอนามัย

ถุงยางอนามัย

ถุงยางอนามัย
ถุงยางอนามัยไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่อะไร

เพราะภาพเขียนของถุงยางอนามัยที่เก่าแก่ที่สุดนั้นมีอายุมากกว่า 3,000 ปีมาแล้ว โดยถุงยางอนามัยในยุคต้นๆนั้นทำด้วยผ้าลินิน (ทำจากปอของต้นแฟลกซ์) หรือลำไส้ของปปลาหรือสัตว์ ส่วนถุงยางอนามัยที่ทำด้วยยางนั้นเริ่มมีขึ้นหลังจากปี ค.ศ. 1844 เมื่อชาร์ส กู๊ดเยียร์ (Charles Goodyear) ได้จดลิขสิทธิ์กระบวนการผลิตยางโดยวิธีผสมกับกำมะถันและหลังจากนั้นโรงงานต่างๆก็เริ่มมีการผลิตถุงยางอนามัยที่ทำจากยางออกมา

ทุกวันนี้เราเชื่อว่า
การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือวิธีการคุมกำเนิดที่ดีที่สุดคือการใช้ถุงยางอนามัย วันนี้จึงขอนำเสนอเรื่องของ “ถุงยางอนามัย” เรื่องเก่าที่หลายคนรู้ (แต่อีกหลายๆคนก็ไม่ยอมใส่ใจ) นำมาเสนอ เพื่อให้ได้รู้จักถุงยางอนามัย วิธีการใช้และประสิทธิภาพของการป้องกัน

ถุงยางอนามัยคืออะไร
ถุงยางอนามัยมีลักษณะเป็นปลอกบางๆ ใช้สำหรับห่อหุ้มอวัยวะเพศชายก่อนทีจะมีเพศสัมพันธ์โดยทำมาจากลาเท็กซ์หรือยางดิบเมื่อยังเหลว (Latex) หนังของลูกแกะ (Lambskin) หรือ โพลิยูริเทน

ถุงยางอนามัยลาเท็กซ์สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexual transmitted diseases, STDs) ได้ดีที่สุด ถุงยางอนามัยนั้นหาซื้อมาใช้ได้โดยง่าย ทั้งแบบมีหรือไม่มีสารหล่อลื่น ด้วยขนาดความยาว ความกว้าง และความหนาที่แตกต่างกันออกไป แต่ถุงยางอนามัยขนาดที่เหมาะสมพอดีนั้นถือว่าดีที่สุด เนื่องจากถุงยางอนามัยที่คับแน่นเกินไปจะเกิดการแตกหรือฉีกขาดได้ง่าย ส่วนถุงยางอนามัยที่หลวมเกินไปก็อาจจะหลุดออกได้ง่าย

 

การใช้ถุงยางอนามัยที่มีครีมหรือเจลกำจัดสเปิร์มจะช่วยลดความเสี่ยงของการตั้งครรภ์ได้โดยยากำจัดสเปิร์มนี้เป็นสารที่ใช้ฆ่าสเปิร์มซึ่งใช้สอดเข้าไปในช่องคลอดผู้หญิงก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์หรือใช้เป็นเหมือนกับสารหล่อลื่นของถุงยางอนามัย

 

ถุงยางอนามัยทำงานอย่างไร

เมื่อผู้ชายหลั่งน้ำอสุจิ น้ำอสุจิดังกล่าวจะยังคงอยู่ภายในถุงยางอนามัย และไม่เข้าไปภายในช่องคลอดของผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์ด้วย ซึ่งจะช่วยลดโอกาสการตั้งครรภ์ได้

วิธีการใช้ถุงยางอนามัย
เมื่อคุณคลี่ถุงยางอนามัยออกมาคุณต้องดูให้แน่ใจว่าตรงส่วนปลายสุดของถุงยางอนามัยนั้นมีช่องว่างสำหรับเก็บน้ำอสุจิอยู่ด้วย

 

ถุงยางอนามัยบางชนิดมีการใส่สารหล่อลื่นไว้เพื่อช่วยป้องกันการแตกหรือฉีกขาด ((ตามสถิติขององค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าถุงยางอนามัยประมาณ 2% จะแตก ในช่วงที่กำลังใช้งานอยู่โดยมักจะแตกก่อนที่คุณผู้ชายจะหลั่งน้ำอสุจิ)

 

ถ้าคุณใช้ถุงยางอนามัยที่ไม่ได้ใส่สารหล่อลื่นไว้ก็ขอให้คุณทาสารหล่อลื่นไว้ภายในและภายนอกถุงยางอนามัย

 

โดยถุงยางอนามัยลาเท็กซ์ให้ทาด้วยสารหล่อลื่นที่มีน้ำเป็นองค์ประกอบหลักเท่านั้น เช่น เค-วายเจลลี่ อย่าใช้สารหล่อลื่นที่มีปิโตรเลียมหรือแร่ธาตุเป็นองค์ประกอบหลัก เช่น ปิโตรเลี่ยมเจลลี่หรือน้ำมันสำหรับเด็ก (baby oil) เนื่องจากจะทำให้ถุงยางอนามัยลาเท็กซ์เสื่อมสภาพ เปราะบางและฉีกขาดได้ง่าย

 

หลังจากที่มีเพศสัมพันธ์กันแล้ว ให้คุณค่อยๆถอนอวัยวะเพศของคุณออกจากช่อ่งคลอดของฝ่ายหญิง พร้อมกับจับตรงส่วนโคนของถุงยางอนามัยไว้เพราะจะทำให้ถุงยางอนามัยไม่หลุดออกจากอวัยวะเพศของคุณก่อนที่อวัยวะเพศของคุณจะออกมาจากช่องคลอดของฝ่ายหญิง จากนั้นก็ให้ถอดถุงยางอนามัยออกและทิ้งไป การใช้ถุงยางอนามัยด้วยความระมัดระวัง อย่างถูกต้องและเหมาะสม จัดเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง และนี่ก็คือเทคนิคบางประการ สำหรับการเลือกซื้อ การเก็บรักษาและการใช้ถุงยางอนามัย

 

  เลือกซื้อถุงยางอนามัยที่ทำจากลาเท็กซ์และมีสารหล่อลื่นหรือใช้สารหล่อลื่นที่มีน้ำเป็นองค์ประกอบหลัก เพื่อลดการเสียดสีและไม่ควรใช้ปิโตรเลียมเจลลี่หรือเบบี้ออยล์เพราะอาจทำให้ถุงยางอนามัยลาเท็กซ์เสื่อมสภาพลงได้

  ตรวจสอบวันหมดอายุ โดยห้ามใช้ถุงยางอนามัยที่หมดอายุแล้วโดยเด็ดขาด

  เปิดห่อบรรจุอย่างระมัดระวัง โดยห้ามใช้ฟันหรือเล็บเปิดเพราะอาจทำให้ถุงยางอนามัยฉีกขาดได้

 

  ค่อยๆกดตรงส่วนปลายสุดของถุงยางอนามัย เพื่อไล่อากาศออกก่อนที่จะสวมใส่ สวมถุงยางอนามัยบนอวัยวะเพศที่ตั้งชันโดยให้ขอบริมที่มั้นนั้นอยู่ด้านนอก


  ถ้าถุงยางอนามัยน้นมีช่องว่างตรงส่วนปลายสุด ให้คลี่ถุงยางอนามัยคลุมไปตลอดลำอวัยวะเพศโดยให้มีช่องว่างตรงส่วนปลายสุดเหลือประมาณครึ่งนิ้ว สำหรับเก็บกักน้ำอสุจิ

  ค่อยๆไล่ฟองอากาศที่มีอยู่ออกเพื่อให้มั่นใจได้ว่าถุงยางอนามัยนั้นฟิตพอดีแล้ว เนื่องจากฟองอากาศสามารถเป็นสาเหตุที่ทำให้ถุงยางอนามัยฉีกขาดหรือหลุดออกมาได้ง่าย

  ถ้าคุณไม่ได้ถูกขลิบปลายอวัยวะเพศก็ต้องมั่นใจได้ว่าหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศนั้นถูกดึงกลับก่อนที่จะสวมใส่ถุงยางอนามัย

  เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อย่างสมบูรณ์จึงควรใช้ถุงยางอนามัยในระหว่างที่มีกิจกรรมทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นการสอดใส่ทางช่องคลอด การทำออรัลเซ็กซ์หรือการสอดใส่ทางทวารหนัก เนื่องจากการมีเพศสัมพันธ์ทุกรูปแบบที่กล่าวถึงมานั้นสามารถเพิ่มโอกาสในการแตกหรือฉีกขาดของถุงยางอนามัยได้

  ห้ามนำถุงยางอนามัยกลับมาใช้ซ้ำอย่างเด็ดขาด และถ้าถุงยางอนามัยถุงใหม่ถูกใส่กลับด้านและไม่สามารถคลี่ออกได้ง่ายๆก็ไม่ควรนำกลับมาใช้อีก เพราะอาจจะมีน้ำอสุจิติดอยู่ภายในถุงยางอนามัยถุงดังกล่าว ควรใช้ถุงยางอนามัยถุงใหม่ไปเลย ไม่ต้องเสียดาย

  เก็บรักษาถุงยางอนามัยไว้ในที่เย็นและแห้ง เพราะถุงยางอนามัยที่สัมผัสกับอากาศ ความร้อน และแสงแดด มักจะเปราะบางหรือเหนียวเหนอ ซึ่งอาจจะแตกหรือฉีกขาดได้ง่ายขึ้น และไม่ควรเก็บถุงยางอนามัยไว้ในกระเป๋าเงิน กระเป๋าหลังของกางเกงหรือช่องถุงมือ เป็นเวลานานเกินกว่า 4-6 ชั่วโมง

ถุงยางอนามัยมีผลเสียอะไรหรือไม่?
เป็นที่แน่นอนว่า ถุงยางอนามัยไม่มีผลกระทบต่อความสามารถทางเพศ (หน้าที่ในการสืบพันธุ์) ของคุณผู้ชาย โดยคุณผู้หญิงอาจจะตั้งครรภ์ได้ทันทีหลังจากที่คุณผู้ชายเลิกใส่ถุงยางอนามัยเพื่อคุมกำเนิดเหมือนเดิม

ถุงยางอนามัยมีประสิทธิภาพอย่างไรในการป้องกันการตั้งครรภ์?
ดังที่กล่าวไว้แล้วข้างต้นแล้วว่า สถิติอันตราการแตกหรือฉีกขาดของถุงยางอนามัยคือ 2% โดยทุกๆ 100 คู่ของผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กันซึ่งมีการใช้ถุงยางอนามัยอย่างไม่ถูกต้องและเหมาะสมนั้นพบว่ามีถึง 15 คู่ที่ผู้หญิงจะตั้งครรภ์ภายในปีแรกของการใช้ถุงยางอนามัย ในขณะที่ทุกๆ 100 คู่ ของผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กันซึ่งมีการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้องและเหมาะสมกลับพบว่ามีเพียง 2 คู่เท่านั้นที่ผู้หญิงจะตั้งครรภ์ภายในปีแรกของการใช้ถุงยางอนามัย

ถุงยางอนามัยมีอันตรายต่อสุขภาพหรือไม่
คนบางคนก็มีอาการแพ้ลาเท็กซ์และถ้าคู่นอนของคุณมีอาการแพ้ดังกล่าวเขาหรือเธออาจมีปฎิกิริยาต่อถุงยางอนามัยลาเท็กซ์ซึ่งปฎิกิริยาที่เกิดขึ้นได้แก่ จมูกแดง คัน และมีน้ำมูกไหล ท่อหลอดลมหดตัว ความดันต่ำลดลงและมีอาการบวมพอง

ถุงยางอนามัยช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้หรือไม่?
ได้อย่างแน่นอน โดยการปิดกั้นโอกาสในการเข้าสู่ภายในร่างกายของของเหลวที่อาจมีการติดเชื้อ

 

ถุงยางอนามัยลาเท็กซ์สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ดีกว่าถุงยางอนามัยที่ทำจากโพลียูรีเทนหรือหนังของลูกแกะขอให้คุณอ่านฉลากบนห่อบรรจุและต้องมั่นใจได้ว่า ถุงยางอนามัยนั้นทำจากลาเท็กซ์และมีฉลากกำกับว่าใช้สำหรับป้องกันโรคได้ ถุงยางอนามัยที่ใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสมจะมีประสิทธิภาพสูงมากในการป้องกันการติดต่อของเชื้อไวรัสเอชไอวี ซึ่งเป็นไวรัสที่ทำให้เกิดโรคเอดส์ รวมทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดอื่นๆได้ด้วย

ถุงยางอนามัยมีราคาเท่าไร?
ถุงยางอนมัยที่ไม่มีสารหล่อลื่นอาจมีราคาไม่สูงในขณะที่ถุงยางอนามัยที่มีสารหล่อลื่นอาจมีราคาสูงกว่า และถุงยางอนามัยอาจมีราคาไม่แพงถ้าซื้อจากศูนย์วางแผนครอบครัว หรือคลินิกการวางแผนครอบครัว

ข้อดีและข้อเสียของถุงยางอนามัย
ข้อดี
- มีประสิทธิภาพเมื่อใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
- ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
- ไม่มีผลข้างเคียง
- ไม่จำเป็นต้องมีใบสั่งจากแพทย์
- ราคาไม่แพง

ข้อเสีย
- อาจขัดขวางการกระตุ้นทางเพศ
- โฟม ครีม หรือเจลกำจัดสเปิร์มอาจถูกกินเข้าไปเว้นแต่คุณจะมีอาการแพ้ยางลาเท็กซ์
- ต้องการการใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม





 




 

Bookmark and Share


:: ผู้หญิงมาใหม่























 
:: อ่านข่าว
:: รวมของฟรี
:: ซาบซ่าส์
:: ลิงค์แนะนำ

(ซาบซ่าส์ดอทคอม)
Website Allright Reserved
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ พ.ศ. 2550
ทะเบียนพาณิชย์เลขที่ 0577314802616
x [close]
x [close]