สวยเลือกได้

 

สวยเลือกได้
ผู้หญิงกับความรักสวยรักงามนั้นเป็นของคู่กันมาทุกยุคทุกสมัย เทคนิคประทินผิวของสาวๆ จึงเป็นศาสตร์ด้านหนึ่งที่ถูกพัฒนาขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ไม่แพ้การวิจัยอวกาศหรือเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์

          หนุ่มๆ ส่วนใหญ่อาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมคลีโอพัตราต้องลำบากลำบนอาบน้ำนมแทนน้ำเปล่า หรือดาราดังอย่างแคทเธอรีน ซีต้า โจนส์ จึงทุ่มทุนซื้อไข่คาเวียร์ราคาแพงมาหมักผม แต่ความอยากสวยมันไม่เข้าใครออกใคร แม้ต้องลำบากลำบนหรือทุ่มทุนแค่ไหนสาวๆ รักสวยก็ยอมได้

          สังเกตดูดีๆ สาวสวยสมัยนี้เริ่มพูดคุยกันด้วยศัพท์ความงามแปลกๆ ไม่คุ้นหูกันมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นเป็นเพราะยุคนี้เป็นยุค ‘วิทยาศาสตร์มีคำตอบ’ เครื่องไม้เครื่องมือสุดไฮเทคเริ่มเข้ามามีบทบาทในการสรรค์สร้างความงามเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ mars ขอพาหนุ่มๆ ไปทัศนศึกษา เปิดโลกบิวตี้ เรียนรู้เทคโนโลยีสวยทันใจแบบไม่ต้องผ่า เป็นการรู้เขารู้เรา เผื่อต้องเป็นคนควักกระเป๋าจ่ายสตางค์ หรืออย่างน้อยๆ ก็รู้ไว้เพื่อจะได้เข้าใจเธอมากขึ้นอีกนิดก็ยังดี

          ด่านแรกที่คุณจะต้องสอบให้ผ่านก็คือร้านเสริมสวย ผู้ชายบางคนแยกไม่ออกระหว่างร้านเสริมสวยกับร้านทำผม อย่างหลังนี่เราคุ้นเคยกันดีกับบริการสระ ตัด ไดร์ ทำสี ดัด ยืดผม (Rebonding) และทำทรีตเมนต์บำรุงผมลึกล้ำ แต่ร้านเสริมสวยเป็นอะไรที่แอดวานซ์กว่านั้น

          ร้านเสริมสวยนั้นมีอยู่หลายระดับ ตั้งแต่ร้านทำผมสไตล์คุณแม่บ้านไปจนถึงสถาบันความงาม ให้บริการความงามครบทุกส่วนของร่างกาย นอกจากทำผมแล้วยังมีนวดหน้า มาส์กหน้า กดสิว ลอกสิวเสี้ยน ทำเล็บ ทำสปา นวดและอบสมุนไพร

          บริการระดับนี้ใช้เครื่องมือง่ายๆ ส่วนใหญ่เป็นสูตรประทินโฉมด้วยสมุนไพร หรือสูตรลับของแต่ละร้าน ระดับความสวยปิ๊งของลูกค้าจึงขึ้นอยู่กับทักษะของช่างเป็นหลัก คนที่นิยมใช้บริการส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นคุณแม่ หรือสาวๆ ที่อยากจะผ่อนคลายมากกว่าจะโหมสวยกันอย่างเอาจริงเอาจัง

          แต่เมื่อไรก็ตามที่การเสริมความงามเป็นพันธกิจหลักในชีวิต สาวๆ จะพาตัวเอง (และคุณ) ก้าวเข้าสู่โลกบิวตี้ใบใหญ่ ที่มีปากทางเข้าเป็นประตูคลินิก

คลินิกหน้าใส

          เด็กสมัยนี้นอกจากจะกวดวิชากันเป็นแฟชั่น นุ่งสั้นกันเป็นนิสัยแล้ว แทบทุกคนยังมีนัดประจำสัปดาห์กับหมอสิวขวัญใจของแต่ละคนอีกด้วย ไม่เชื่อลองเดินสำรวจตามห้างสรรพสินค้าดังๆ ดู รับรองว่าอย่างต่ำต้องเจอคลินิกความงามอย่างน้อยๆ 5 ร้าน และทุกร้านก็จะมีเด็กวัยทีนทั้งชายหญิงนั่งกันสลอนเหมือนรอรับของแจกฟรี

          การหาหมอรักษาสิวส่วนใหญ่สร้างรายจ่ายผูกพันระยะยาว เพราะทั้งค่ายา ค่าหมอ ค่าบริการ รวมๆ กันแล้วมักจะเริ่มต้นตั้งแต่ 500-700 บาทต่อครั้ง และจะต้องมีการมาหาหมอซ้ำ ซื้อยาแต้มสิวใหม่ หรือเข้ามากดสิวกันเป็นระยะๆ

          แต่ใบหน้าที่เกลี้ยงเกลาเพียงอย่างเดียวนั้นไม่พอเสียแล้วสำหรับการแอ๊บแบ๊ว นอกจากจะไม่มีสิวแล้วสาวๆ ยังอยากมีใบหน้าขาวใส เครื่องหน้าได้รูป ส่วนคนที่สาว (เหลือ) น้อยแล้ว ก็อยากมีผิวพรรณสดใส เต่งตึง เด็กตลอดกาล คลินิกส่วนใหญ่จึงเริ่มขยับขยายบริการให้หลากหลายขึ้น นอกเหนือจากการจ่ายยากิน ยาทา ยังมีการสรรหาเทคโนโลยีสุดไฮเทคมาเนรมิตความงามให้สาวยุคใหม่ได้สวยทันใจแบบไม่ต้องพึ่งมีดหมอ นำมาซึ่งสารพันคำศัพท์อินเทรนด์แห่งยุคซึ่งเราจะขอขยายความให้ฟังดังนี้

AHA (Alpha Hydroxy Acid)

          ชื่อนี้คุ้นกันที่สุด เพราะได้ยินกันมานานแล้ว AHA คือกรดผลไม้ที่มีฤทธิ์ลอกผิวหนัง ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวชั้นบน ทำให้รอยด่างดำและหมองคล้ำหลุดไป เครื่องสำอางหลายตัวมีส่วนผสมของ AHA โดยเฉพาะตระกูลหน้าขาว (Whitening) แต่คนส่วนใหญ่รู้สึกว่ามันเห็นผลไม่ทันใจ เลยเข้าคลินิกจ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่ทำทรีตเมนต์ AHA เข้มข้นให้ ได้หน้าขาวขึ้นสมใจในราคาเริ่มต้น 150 บาทเท่านั้น

Iontophoresis

          ไอออนโตฯ คือเทคนิคการทำให้วิตามินหรือครีมหน้าขาวทั้งหลายซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ดีขึ้น โดยใช้เครื่องไอออนโตทำให้มันแตกตัวเป็นประจุ วิธีนี้ราคาใกล้เคียงกับการทำ AHA และสรรพคุณคล้ายกันคือทำให้หน้าขาวใส ถ้าเป็นคนผิวมันและมีสิว ไอออนโตฯ จะทำให้ความมันและสิวลดลงด้วย

Phonophoresis

          โฟโนฯ ใช้หลักการเดียวกับไอออนโตฯ คือทำให้วิตามินซึมสู่ผิวได้ดีขึ้น ต่างกันตรงที่เทคนิคคือโฟโนฯ ใช้เครื่องอัลตราโซนิกคลื่นความถี่สูง ราคาไล่เลี่ยกับสองเทคนิคข้างต้น มีสรรพคุณเพิ่มเติมตรงที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต กระชับผิว ลดริ้วรอย และเหมาะกับคนผิวแห้งมากกว่าผิวมัน

กรอหน้าด้วยคริสตัล

          เห็นชื่อแล้วนึกถึงการกรอฟัน เป็นการนำเกล็ดอัญมณีขนาดเล็กมากๆ มากรอหนังกำพร้าบริเวณใบหน้าออก ทำเสร็จปุ๊บหน้าจะขาวใสไร้รอยหมองคล้ำ รูขุมขนกระชับขึ้น เป็นวิธีต้องห้ามสำหรับคนที่เป็นสิวอยู่และไม่ควรทำบ่อยๆ เพราะจะทำให้หน้าบางลง ราคาเริ่มต้นครั้งละ 500-1,000 บาท

          นอกจากเทคนิคหน้าใสยอดฮิตทั้ง 4 แบบแล้ว ยังมีเทคโนโลยีความงามอื่นๆ ให้บริการอีกมากมาย แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ การใช้คลื่นแสง การฉีดเพื่อเสริมและลด รวมทั้งการสักเสริมความงาม

อยากสวย เลเซอร์ช่วยได้

          ไม่อยากจะใช้ศัพท์เทคนิคมากมายให้สับสน เพราะเชื่อว่าหลายๆ คนคงเห็นวิชาฟิสิกส์เป็นยาขมเหมือนกัน เลยขอเรียกบริการกลุ่มนี้แบบรวมๆ ว่าสวยด้วยเลเซอร์ (Light Amplification by Stimulated Emission of Radiation) หรือคลื่นแสง โดยเทคนิคแต่ละประเภทใช้รังสีที่มีคลื่นความถี่แตกต่างกันออกไป

IPL (Intense Pulse Light)

          คลื่นแสงตัวแรกที่กำลังฮิตสุดๆ เป็นคลื่นแสงความเข้มข้นสูงที่มีช่วงคลื่นกว้าง ปล่อยพลังงานแสงออกมาทำลายเม็ดสีที่ด่างดำไม่สม่ำเสมอได้ ผลที่ได้คือผิวหน้าเนียนใสเห็นได้ชัดทันทีหลังทำ และยังช่วยกระชับรูขุมขน ราคาเริ่มต้น 2,000 บาท

Smooth Beam

          เป็นเลเซอร์ที่ถูกนำมารักษารอยแผลเป็น ลดรอยเหี่ยวย่น โดยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ส่วน VBeam ทำให้เม็ดสีและเส้นเลือดที่ผิดปกติซึ่งกระจายอยู่ทั่วผิวจางหายไป ทำให้มีการเรียงตัวใหม่ของคอลลาเจน ใช้รักษาริ้วรอยของผิวหนังอักเสบ สิว ฝ้า หรือกระที่เกิดจากสาเหตุนี้ได้ และยังแก้ปัญหาเส้นเลือดขอดของนางมารสวมปราด้าทั้งหลายได้ด้วย อัตราค่ารักษาบางคลินิกคิดเป็นจุด จุดละ 500 บาท บางคลินิกคิดราคาเหมา เช่น เหมาทั้งหน้า เริ่มต้น 2,000 บาทขึ้นไป

RF (Radio Frequency)

          กลุ่มคลื่นแสงในช่วงคลื่นวิทย อาทิ Thermage กระตุ้นให้โครงสร้างคอลลาเจนใต้ผิวชั้นหนังแท้กระชับดีขึ้น ผิวจะดูแข็งแรง ตึงกระชับ ริ้วรอยตื้นขึ้น ดูอ่อนเยาว์ สนนราคาเริ่มต้น 30,000 บาท

          นอกจากนี้เทคโนโลยีเลเซอร์ยังช่วยกำจัดเสี้ยนหนามตำใจของสาวๆ ที่มีไรหนวด ขนหน้าแข้ง หรือขนแขนมากเกินประสงค์ได้ รวมทั้งคนที่อยากสวยมั่นใจในทุกท่วงท่าด้วยการบอกลาขนรักแร้และขนแนวบิกินี่

          วิธีกำจัดขนแบบง่ายๆ ที่ใช้กันมาดั้งเดิมคือการโกน แต่หลังจากนั้นขนที่ขึ้นใหม่จะเป็นตอแข็ง สีเข้ม วิธีที่นิยมมากกว่าจึงเป็นการแวกซ์ หรือใช้ขี้ผึ้ง ซึ่งทำให้ผิวเนียนเรียบกว่า และขนที่ขึ้นใหม่จะบางลง ราคาต่อตำแหน่งตั้งแต่ 150-800 บาท

          สำหรับคนที่พอมีทุนทรัพย์ การใช้เลเซอร์กำจัดขนตระกูล YAG เช่น Coolglide น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะไม่เจ็บและได้ผลยาวนานกว่า โดยเลเซอร์จะทำลายรากขนทำให้ขนขึ้นใหม่ช้าลงและขึ้นบางลง ราคาเริ่มต้นตำแหน่งละ 5,000 บาท หรือถ้าทุ่มทุนกับเทคนิคการจี้ด้วยความร้อนแบบคลื่นวิทยุ ราคาจะสูงกว่าคือตำแหน่งละ 15,000 บาทขึ้นไป แต่ได้ผลแทบถาวร

          นอกจากนี้เลเซอร์ยังถูกนำไปใช้เพื่อเสริมความงามนอกคลินิกหมอผิวหนัง คือการนำเลเซอร์ไปใช้กระตุ้นเจลฟอกสีฟันให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพและออกฤทธิ์เร็วขึ้น ทำให้ฟันขาวได้ราวๆ 2 ปี ด้วยราคาประมาณ 8,000-12,000 บาท แต่ที่ตอนนี้ยอมรับกันแล้วว่าประสิทธิภาพดียิ่งกว่า คือการฟอกสีฟันด้วยแสง อาทิ Blue Light หรือ Cool Light ซึ่งจะได้ฟันที่ขาวกว่า อยู่ได้นานกว่า 2 ปี และใช้เวลาในการทำน้อยกว่าการฟอกสีด้วยเลเซอร์เสียอีก แต่ต้องมีงบฯ ตั้งแต่ 18,000 บาทขึ้นไป

 ฉีดบำรุง-ลด-เสริม

          นอกจากการใช้คลื่นแสงเข้าช่วยแล้ว เทคโนโลยีความงามยุคใหม่ยังก้าวไกลไปถึงขั้นที่เราสามารถปรับเปลี่ยนรูปร่างได้สมใจ เพียงแค่ฉีดสารที่เหมาะสมเข้าไปเท่านั้นเอง

          เทคนิคตัวหนึ่งที่เกือบจะเรียกได้ว่าครอบจักรวาล คือการทำ Mesotherapy ฉีดสารอาหารต่างๆ ที่จำเป็นต่อสุขภาพผิวเข้าสู่ผิวชั้นใน กระตุ้นเซลล์ผิวให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าอยากให้หน้าขาวใสก็ฉีดสารตระกูลหน้าขาวเข้าไปเติมวิตามินให้ผิวโดยตรง ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ด้วยค่าใช้จ่ายครั้งละประมาณ 3,000 บาท

Mesotherapy

          หรือถ้ามีปัญหาผมร่วง การทำ Mesotherapy ก็ช่วยได้ โดยฉีดสารอาหารเข้าไปที่หนังศีรษะ เพิ่มการไหลเวียนของเลือด ช่วยบำรุงรากผม

          หรือถ้าอยากหุ่นดีโดยไม่ต้องเสี่ยงกับผลข้างเคียงของยาลดความอ้วนหรือการดูดไขมัน การฉีดสารสกัดและวิตามินเข้าไปขัดขวางการสะสมไขมันและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้เนื้อเยื่อกระชับขึ้น ลดไขมันส่วนเกินและเซลลูไลต์ (รอยแตกลายหรือที่เรียกว่าผิวส้มนั่นแหละ) ก็เป็นทางเลือกที่ดี โดยเทคนิคนี้ใช้กระชับทรวงอกได้ผลเช่นเดียวกัน

          ส่วนเทคนิคกำจัดไขมันเฉพาะจุดที่กำลังนิยมกันมากในช่วงนี้ หนีไม่พ้น Carboxytherapy การฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์บริสุทธิ์เข้าไปที่ชั้นไขมัน เพื่อให้เซลล์ไขมันแตกตัว กระตุ้นการเผาผลาญไขมัน ขจัดเซลลูไลต์ เลือกได้เลยว่าจะสลายไขมันที่น่อง ท้อง หรือต้นขา

          เกือบลืมพูดถึงสารฉีดอมตะนิรันดร์กาลอย่าง Botox หรือ Botulinum สารสกัดจากแบคทีเรียที่มีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาตชั่วคราว ซึ่งถูกนำมาใช้ฉีดเพื่อลดรอยเหี่ยวย่นที่ใบหน้าและลำคอมาพักใหญ่ จนตอนนี้หน่วยงานด้านอาหารและยาของสหรัฐฯ ให้การรับรองแล้วว่าปลอดภัย โบท็อกซ์ช่วยลบริ้วรอยได้ชั่วคราวเท่านั้น จึงต้องมีการฉีดซ้ำกันเป็นระยะทุก 3-4 เดือน โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ตำแหน่งละ 5,000 บาทขึ้นไป

          ความจริงโบท็อกซ์ยังมีสรรพคุณอื่นๆ ที่สถาบันความงามเริ่มนำมาโปรโมตเป็นจุดขายมากขึ้น เช่น ลดการหลั่งเหงื่อผิดปกติ ทำให้โบท็อกซ์เป็นของคู่ใจเหล่าดาราฮอลลีวูดที่ต้องออกงานประกาศรางวัลใหญ่ๆ นอกจากนี้ยังช่วยตอบโจทย์ให้สาวๆ ที่อยากสวยแต่ไม่อยากทำศัลยกรรม เพราะการฉีดโบท็อกซ์ลดความเหลี่ยมของใบหน้าหรือทำให้คางได้รูปขึ้นได้ และยังช่วยลดน่องให้เพรียวขึ้น ทั้งสองอย่างใช้โบท็อกซ์มากกว่าการฉีดลบริ้วรอยบนใบหน้า ราคาจึงสูงตามไปด้วย โดยโบท็อกซ์ลดหน้าเหลี่ยมราคาเริ่มต้น 10,000 บาท ส่วนโบท็อกซ์น่องเรียวเริ่มต้นตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป

          แต่ถ้าอยากจะเสริมส่วนไหนบนใบหน้าแบบไม่ต้องผ่า ตอนนี้มีการใช้สารเติมเต็ม หรือ Filler ฉีดเข้าไปในจุดที่มีปัญหา เช่น จมูก โดยสารที่นิยมกันคือคอลลาเจน เพราะเป็นสารเติมเต็มแบบชั่วคราวและไม่มีผลข้างเคียง

สักสีธรรมชาติ

          สุดท้ายเป็นเทคนิคทำสวยที่ดูไม่ครึกโครมเท่าวิธีอื่นๆ แต่กลับได้รับความนิยมอย่างสูงอยู่เงียบๆ คือการสักเพื่อปรับสีผิว เดิมทีวิธีนี้ใช้เพื่อแก้ปัญหาผิวด่างอันเนื่องจากโรคผิวหนัง แต่ปัจจุบันกลับฮิตในหมู่สาวๆ ที่อยากคงสีผิว พรรณที่คิดว่าเป็นธรรมชาติเอาไว้นานเท่านาน

          การสักเพื่อความงามระดับพื้นฐานคือการสักคิ้ว ซึ่งช่วยแก้ปัญหาขนคิ้วบางหรือคิ้วสองข้างไม่เท่ากัน ทำให้คิ้วดู เข้มได้รูป แต่จะสวยหรือไม่ขึ้นอยู่กับความชำนาญและเทคนิคของช่างแต่ละสถาบันด้วย เทคนิคเดียวกันนี้ใช้กับการสักขอบตาถาวร โดยราคาอยู่ในอัตราเดียวกัน คือประมาณ 3,000 บาท

          นอกจากจะตาคมคิ้วเข้มแล้ว สาวๆ หลายคนเลือกไปสักริมฝีปากให้เป็นสีชมพู เพื่อให้ปากดูสุขภาพดี มีสีสัน และสวยได้รูป รวมไปถึงการสักหัวนมให้เป็นสีชมพู ทั้งสองอย่างราคาเริ่มต้น 4,500 บาท (เป็นราคาต่อข้างสำหรับการสักหัวนม)





 




 

Bookmark and Share


:: ผู้หญิงมาใหม่























 
:: อ่านข่าว
:: รวมของฟรี
:: ซาบซ่าส์
:: ลิงค์แนะนำ

(ซาบซ่าส์ดอทคอม)
Website Allright Reserved
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ พ.ศ. 2550
ทะเบียนพาณิชย์เลขที่ 0577314802616
x [close]
x [close]