มะเร็งผิวหนัง...คนผิวขาวเสี่ยงมากกว่าคนผิวคล้ำ

มะเร็งผิวหนัง...คนผิวขาวเสี่ยงมากกว่าคนผิวคล้ำ

 

         เป็นที่รู้กันว่าแสงแดดทำร้ายผิวสวยๆ ของเราด้วยรังสีอัลตราไวโอเล็ต และที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือเสี่ยงที่เกิดโรคมะเร็งผิวหนัง

          รังสีอัลตราไวโอเล็ต (uitraviolet ray, UV) ซึ่งมีปริมาณร้อยละ 10 ในแสงแดด แบ่งเป็นรังสีอัลตราไวโอเล็ตชนิด A (UVA) ร้อยละ 9.5 และรังสีอัลตราไวโอเล็ตชนิด B (UVB) ร้อยละ 0.5 ในแสงแดด รังสีทั้ง 2 ชนิดนี้มีประโยชน์และโทษแก่ผิวหนัง
        UVA มีความสามารถทะลุทะลวงและทำลายผิวหนัง ทำให้ผิวแก่ ผิวหนังหนา หยาบกร้าน และมีสีคล้ำขึ้น (tanning) เนื่องจากเกิดการกระตุ้นเซลล์เม็ดสีให้สร้างเม็ดสี (melanin pigment) เพิ่มมากขึ้น
        UVB จะทำให้เกิดอาการผิวหนังร้อนแดง (erythema) หรือเกิดอาการที่เรียกว่าถูกแดดเผา (sunburn) ทำให้ปวดแสบปวดร้อน

         นอกจากนี้รังสีอัลตราไวโอเล็ตในแสงแดด อาจทำให้เกิดโรคมะเร็งที่ผิวหนัง โดยคนผิวขาวจะมีโอกาสเกิดมะเร็งที่ผิวหนังมากกว่าคนที่ผิวคล้ำ ดังนั้นจึงควรปกป้องผิวจากแสงแดดให้มากที่สุด โดยหลีกเลี่ยงการตากแดด หรือสวมใส่เสื้อผ้าให้มิดชิด หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารป้องกันแสงแดดทาปกปิดผิวหนังในขณะมีกิจกรรมกลางแจ้ง และเลือกให้เหมาะกับสภาพผิว

         สำนักเครื่องสำอางและวัตถุอันตราย ได่วิเคราะห์ตัวอย่างผลิตภัณฑ์กันแสงแดดพบว่าไม่เข้ามาตรฐาน 2 ตัวอย่าง เนื่องจากตรวจพบปริมาณสารป้องกันแสงแดด 2 ชนิด ได้แก่ สารออกทิล เมททอกซีซินนาเมท (Octyl methoxycinnamate) และสารบิวทิล เมททอกซีไดเบนโซอิล มีเธน (butyl methoxydibenzoyl methane) มีปริมาณต่ำกว่าฉลากระบุเกินเกณฑ์ยอมรับค่าคลาดเคลื่อน 2 ตัวอย่าง

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด

        ควรเลือกผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดที่สามารถป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดจะมีการระบุค่า SPF ที่แสดงถึงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดในการป้องกันรังสี UVB ซึ่งหากผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดมีค่า SPF เท่ากับ 15 หมายความว่า เมื่อทาผลิตภัณฑ์นี้แล้วสามารถทนแดดได้นานมากกว่าเดิม 15 เท่า

        คนผิวขาว เมื่อถูกแสงแดดจะแดงง่ายกว่า คนที่มีผิวคล้ำ ดังนั้นคนที่มีผิวคล้ำอาจใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดที่มีค่า SPF เท่ากับ 6–14 ในขณะที่คนผิวขาวหรือคนที่เป็นกระหรือมีรายด่างดำ

        ควรใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดที่มีค่า SPF เท่ากับ 15 หรือมากกว่านั้นและควรทาทิ้งไว้ 15–30 นาทีก่อนที่จะออกสู่แสงแดด

        ค่าประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ในการป้องกันรังสี UVA เรียกว่าค่า PPD (Persistent Pigment Darkening) โดยแสดงค่าของ PPD ในรูป PA+ , PA++ และ PA+++ ซึ่งค่า PA+++ เทียบเท่าค่า PPD เท่ากับหรือมากกว่า 8 ทั้งนี้มีข้อแนะนำว่าผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดที่มีประสิทธิภาพดีควรมีค่าอัตราส่วนระหว่าง SPF กับ PPD ไม่เกิน 3

        คนที่มีผิวค่อนข้างมัน หรือเป็นสิว ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดที่เป็นโลชั่นหรือเจลจะเหมาะสมกว่าเพราะไม่ทำให้เหนียวเหนอะหนะ ส่วนคนที่มีผิวแห้ง ควรเลือกใช้ชนิดครีม เพราะครีมมีส่วนที่เป็นน้ำมันช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นและไม่ควรใช้ชนิดที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ ผิวแห้งมากขึ้น

        สารที่อาจทำให้เกิดการแพ้อื่นๆ เช่น สารผสมประเภทแต่งสี แต่งกลิ่น เช่น น้ำหอม หรือส่วนประกอบน้ำมันจึงควรทดสอบการแพ้ ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์กับบริเวณผิวที่มีความไว เช่น บริเวณใต้ท้องแขนหรือใต้คาง





 




 

Bookmark and Share


:: ผู้หญิงมาใหม่























 
:: อ่านข่าว
:: รวมของฟรี
:: ซาบซ่าส์
:: ลิงค์แนะนำ

(ซาบซ่าส์ดอทคอม)
Website Allright Reserved
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ พ.ศ. 2550
ทะเบียนพาณิชย์เลขที่ 0577314802616
x [close]
x [close]