“มุนจุนยอง” ลีดเดอร์ ZE:A ทวีตข้อความ “จัดหนัก” ซีอีโอ ของ Star Empire Entertainment ของตัวเอง

new

ไอดอลหนุ่ม “มุนจุนยอง” หรือ “อีฮู” แห่งวงบอยแบนด์ ZE:A เขียนข้อความโจมตีประธานบริษัท Star Empire Entertainment ต้นสังกัดของตัวเองชุดใหญ่ ทั้งเรื่องความไม่เป็นธรรมของสัญญา, การแบ่งผลประโยชน์ และสภาพการทำงานอันย่ำแย่ ที่ไอดอลหนุ่มกล่าวว่าสร้างความอึดอัดใจให้กับเขามาตลอด

แม้สุดท้ายทั้งสองฝ่ายจะออกแถลงการณ์ยืนยันว่าพวกเขาสามารถหาข้อตกลงกันได้แล้ว แต่เรื่องอื้อฉาวที่ไอดอลหนุ่ม มุนจุนยอง หรือ อีฮู แห่งวง ZE:A ได้กล่าวโจมตีซีอีโอ ชินจูฮัก แห่งบริษัท Star Empire ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ในวงการบันเทิงเกาหลีใต้อย่างช่วยไม่ได้

ซึ่งหลังให้ข่าวโจมตีกันอย่างสาดเสียทีเสีย ฝ่ายซีอีโอของ Star Empire ได้อ้างว่าเขาและเด็กในสังกัดได้ปรับความเข้าใจกันแล้ว โดยหลังจากนี้ทางวง ZE:A จะทำหน้าที่ดูแลเรื่องการรับงานของพวกเขาเอง และจะมีการปรับการรับส่วนแบ่งใหม่เป็นทางวงรับ 70% ส่วนซีอีโอรับ 30% จากเดิมที่วงรับอยู่ที่ 30% ส่วนต้นสังกัดรับไปถึง 70%

ปัญหาเรื่องสัญญา, การทำงาน และการดูแลศิลปินไอดอลในวงการบันเทิงเกาหลีใต้กลายเป็นข่าวใหญ่อีกครั้ง เมื่อไอดอลหนุ่ม “มุนจุนยอง” แห่งวง ZE:A ได้ทวีตข้อความแสดงความอัดอั้นตันใจในเรื่องนี้ผ่านทาง Twitter อย่างยาวเหยียด

โดย มุนจุนยอง เผยว่าก่อนที่ทางการจะมีกฏระเบียบเรื่องสัญญาที่เป็นธรรมออกมา เขาและสมาชิกของวง ZE:A มีสัญญากับต้นสังกัดที่กินระยะเวลายาวนานถึง 12 ปีเลยทีเดียว ต่อมาเมื่อปัญหาเรื่องสัญญาในวงการบันเทิงได้ถูกทางการเข้ามาตรวจสอบ และออกกฏระเบียบใหม่ ซึ่งบริษัทบันเทิงต้องยื่นสัญญาให้กับทางสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทาง การค้าตรวจสอบ ทำให้สัญญามีระยะเวลาเหลือเพียง 7 ปี เท่านั้น อย่างไรก็ตามการแบ่งรายได้ระหว่างตัวศิลปิน และต้นสังกัดก็ยังไม่เป็นธรรมอยู่ดี

โดยประธาน ชินจูฮัก จะได้รับส่วนแบ่งถึง 70% ส่วน ZE:A จะได้รับส่วนแบ่งแค่ 30% เท่านั้น “ถ้ารับได้รับเงินมา 1 ล้านวอน (30,000 บาท) ประธานก็จะเอาไปแล้ว 7 แสนวอน (21,600 บาท) ส่วนพวกเราเหลือแค่ 3 แสนเท่านั้น พวกเรามีกัน 9 คนนะครับ ต้องมาแบ่งเงิน 3 แสน (9,280 บาท) จนเหลือน้อยลงไปอีก” จุนยอง กล่าว

นอกจากเรื่องเงินแล้ว เขายังเปิดเผยว่าในฐานะไอดอลหนุ่มขวัญใจของวัยรุ่น ตนเองกลับมีชีวิตความเป็นอยู่ที่แย่มาก “ผมแทบจะมอบชีวิตวัยรุ่นให้กับ Star Empire ไปทั้งหมด ตั้งแต่ตอนอายุยังน้อยมากๆ จนตอนนี้อายุได้ 20 เศษ แล้ว หอพักของเราก็แย่มาก ผมเองเคยหน้าแตก เพราะเดินไปเข้าห้องน้ำแบบครึ่งหลับครึ่งตื่นมาแล้ว ผมเคยถูกส่งให้ไปร่วมรายการ Dream Team ของ KBS และต้องขาหักกลับมาก่อนหน้าที่จะคัมแบ็คกับเพลง Aftermath แค่สัปดาห์เดียวเท่านั้นเอง”

มุนจุนยอง ยังเล่าถึงเรื่องราวหลังฉากของวงการบันเทิงเกาหลีใต้ ที่เต็มไปด้วยเรื่องของการเมือง และเบื้องหลังที่ผู้ชมไม่เคยทราบเลย “โปรดิวเซอร์ของรายการ The Dream Team บอกผมให้มาร่วมรายการ แต่ขาผมหัก และยังมีหมุดผังเอาไว้อยู่เลย แต่ตอนออกอากาศเขาบอกให้ผมพูดว่าทำตัวเองเจ็บเองตอนฝึกซ้อม ตอนนั้นเองผมเริ่มจะรู้สึกว่ามีอะไรไม่ค่อยถูกต้องแล้ว หลังผ่าตัดคนพวกนี้ส่งผลไม้มาให้แค่ตะกร้าเดียว ความจริงก็คือเราต้องอดทนเอาไว้เพื่อจะได้ออกรายการเพลง … ตอนนั้นผมต้องหุบปากเอาไว้ ซึ่งที่จริงมันมีเรื่องมากกว่าแค่ที่ว่าผมขาหัก ผมกังวลกเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลมาก เงินนี่แหละที่ทำให้ผมไม่สามารถพูดสิ่งที่ควรพูดได้ เราแค่ต้องการคำพูดที่ดีบ้าง แต่พวกคุณกลับมาทำกับผม .. ทำกับพวกเราแบบนี้”

นอกจากนั้นไอดอลหนุ่มยังกล่าวเตือนถึงเอเยนซีในวงการบันเทิงเกาหลีใต้แห่งอื่นๆ ว่าควรจะเลิกเอาเปรียบศิลปินได้แล้ว

“หลังจาก ZE:A แล้ว ไม่ควรมีใครต้องตกเป็นเหยื่อแบบนี้อีก ทำไมต้องมาโดนเอาเปรียบแบบนี้ด้วย เพียงแค่อยากจะทำเพลงอย่างที่ตัวเองรัก พวกคุณคืออาชญากรในโลกแห่งวงการบันเทิง” มุนจุนยอง กล่าว พร้อมยังพูดกับเหล่าศิลปินคนอื่นๆ ในวงการเพลงเกาหลีใต้ว่า “รุ่นพี่, เพื่อนๆ และรุ่นน้องทุกคนรวมถึงคนที่กำลังจะเข้าวงการ เพื่อร้องและเต้นตามความฝันของตัวเอง …. ผมอยากจะบอกจากใจให้กับทุกคนทราบว่าสิ่งที่สวยงามที่ทุกคนมองจากด้านนอกนั้น ข้างในมันก็แค่ความว่างเปล่าครับ ไม่ใช่ว่าไม่มีใครจริงใจพอที่จะพูดเรื่องนี้ออกมา เพียงแต่ทุกคนโดนปิดปากเอาไว้ด้วยเงิน นักข่าวโปรดช่วยรายงานเรื่องนี้ด้วยครับ”

“สิ่งที่ผมอยากจะพูดก็คือจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ผมทราบดีว่าประธานบริษัทเอเยนซีหลายแห่งมีปัญหาเรื่องสัญญา ซึ่งผมจะยังไม่พูด แต่โปรดแก้ไขปัญหา และปฏิบัติกับศิลปินให้ดีขึ้นด้วย ผมขอร้องเป็นครั้งสุดท้ายครับ ถ้าเผื่อพวกเขาพอจะฟังคำพูดของผมบ้าง”

“หากมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นอีกกับวงการบันเทิงแห่งนี้ในอนาคต โปรดทราบเอาไว้ด้วยว่าผมมีอาวุธลับที่จะพลิกอุตสาหกรรมบันเทิงให้กลับหัว กลับหางได้ ขอโทษที่สร้างปัญหา และขอบคุณมากๆ ครับ เพราะคุณทำให้เราได้เจอกับความหวัง, ความฝัน และเป้าหมายอีกครั้ง ขอบคุณที่ช่วยดูแลพวกเรา”


ขอขอบคุณข่าวจาก