หลังการเอาชนะ โคลอมเบีย ด้วยการดวลจุดโทษเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา ทำให้ทีมชาติอังกฤษสามารถล้างอาถรรพ์การแพ้ดวลจุดโทษในฟุตบอลโลกได้สำเร็จ

จากการที่พวกเขามีสถิติที่เรียกได้ว่าเข้าขั้น “ห่วยแตก” ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย

หลายคนคงอยากทราบว่า สถิติที่ว่านั้นมันเป็นอย่างไร วันนี้เราจึงนำประวัติศาสตร์การยิงจุดโทษของ ทีมสิงโตคำราม ในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาให้ดูกันว่ามันน่ากลัวกับพวกเขาขนาดไหน

1. ฟุตบอลโลก 1990 (อิตาลี) – รอบรองชนะเลิศ แพ้ เยอรมนี 3-4
news

นักเตะที่พลาดจุดโทษ : สจ๊วร์ด เพียร์ซ และ คริส ว็อดเดิล

นี่คือฟุตบอลโลกที่ดีที่สุดของอังกฤษ หลังจากการคว้าแชมป์โลกเมื่อปี 1966 ทีมสิงโตคำรามของ “ปู่บ็อบ” บ็อบบี้ ร็อบสัน ผ่านเข้ารอบเซมิไฟนอลได้สำเร็จ แต่ก็ต้องมาเจอกับคู่รักคู่แค้นอย่าง เยอรมนีตะวันตก ซึ่งทั้งคู่เสมอกันในเวลา 1-1 จนต้องมาตัดสินกันที่การดวลจุดโทษ

แล้วก็เป็น สจ๊วร์ต เพียร์ซ ที่พลาดในการยิงเป็นคนที่ 4 และ คริส ว็อดเดิล ก็มาพลาดอีกครั้ง ทำให้ขุนพล อินทรีเหล็กได้เฮกันทั้งสนาม และพวกเขาก็ผ่าน อังกฤษ เข้าไปเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 3 อย่างยิ่งใหญ่

2. ฟุตบอลโลก 1998 (ฝรั่งเศส) – รอบ 8 ทีมสุดท้าย แพ้ อาร์เจนตินา 3-4

นักเตะที่พลาดจุดโทษ : พอล อินซ์ และ เดวิด แบ็ตตี้

เป็นเกมที่ถูกพูดถึงมากที่สุดเกมหนึ่งในฟุตบอลโลกครั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเกิดของ “เบบี้โกล” ไมเคิล โอเวน และการแจ้งดับของ “สุดหล่อ” เดวิด เบ็คแฮม ที่ “เขี่ยสะท้านโลก” ใส่ ดีเอโก้ ซิมิโอเน จนเข้าตากรรมการ ควักใบแดงไล่ออกจากสนาม ทำให้อังกฤษต้องต้านเกมรุกของทีมฟ้าขาวจนหมดเวลาที่สกอร์ 2-2

มาถึงการดวลจุดโทษที่แฟนบอลสิงโตคำรามต่างหวาดกลัว เนื่องจากพวกเขาเพิ่งจะพ่ายดวลเป้าต่อเยอรมนี ในรอบเซมิไฟนอลมาหมาด ๆ ใน ยูโร 96 ที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพ

สุดท้ายมันก็กลับมาหลอกหลอนลูกทีม เกล็น ฮ็อดเดิล อีกครั้ง เมื่อทั้งสองทีมยิงไปข้างละ 4 คน โดยพลาดกันไปคนละครั้ง มาถึงคนสุดท้ายหลังจากที่ โรแบร์โต อยาลา ของทีมฟ้าขาวยิงเข้าไป ความกดดันจึงถาโถมเข้าใส่ เดวิด แบ็ตตี้ มิดฟิลด์ ตัวตัดเกม ที่ขอวัดใจเป็นคนสุดท้าย

และ แบ็ตตี้ ก็ไม่ทำให้ประชาชนชาวฟ้าขาวผิดหวัง เจ้าตัวซัดไปให้ คาร์ลอส โรอา เซฟ ส่งอังกฤษตกรอบอย่างเจ็บปวด และ เดวิด เบ็คแฮม ก็กลายเป็น “แพะ” ของคนทั้งประเทศในตอนนั้น

3. ฟุตบอลโลก 2006 (ฝรั่งเศส) – รอบ 8 ทีมสุดท้าย แพ้ โปรตุเกส 1-3

นักเตะที่พลาดจุดโทษ : แฟรงก์ แลมพาร์ด, สตีเวน เจอร์ราร์ด และ เจมี คาร์ราเกอร์

เป็นการเข้ามาพบกันระหว่าง คริสเตียโน โรนัลโด้ และผองเพื่อน กับ สิงโตคำรามยุคต่อเนื่องจากยุคโกลเด้นเจเนอเรชันที่เต็มไปด้วยผู้เล่นระดับพระกาฬมากมายอย่าง สตีเวน เจอร์ราร์ด, แฟรงก์ แลมพาร์ด, เวนย์ รูนี, เดวิด เบ็คแฮม, จอห์น เทอร์รี, ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ แอชลีย์ โคล พร้อมกับโค้ชระดับอินเตอร์อย่าง สเวน-โกรัน อีริคสัน

แล้วก็เป็นเรื่องที่น่ากลัวอีกครั้งหลังจากที่พวกเขาเพิ่งแพ้การดวลจุดโทษกับ โปรตุเกส เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ในฟุตบอล ยูโร 2004 รอบควอเตอร์ไฟนอล

แล้วเรื่องราวเดิม ๆ ก็ย้อนกลับมาเล่นงานพวกเขา ตั้งแต่การได้ใบแดงถูกไล่ออกจากสนามของ รูนีย์ และ การแพ้ดวลจุดโทษเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันในฟุตบอลโลก โดยแทบไม่น่าเชื่อว่ามือสังหารจุดโทษที่ว่าชัวร์สุด ๆ ของสโมสรอย่าง แลมพาร์ด และ เจอร์ราร์ด จะพากันพลาดพร้อม ๆ กัน

กลายเป็น โอเวน ฮากรีฟ เท่านั้นที่ยิงเข้าเพียงคนเดียว

4. ฟุตบอลโลก 2018 (รัสเซีย) – รอบ 16 ทีมสุดท้าย ชนะ โคลอมเบีย 4-3

นักเตะที่พลาดจุดโทษ : จอร์แดน เฮนเดอร์สัน

28 ปีต่อมา นี่คือครั้งแรกที่ อังกฤษ สามารถเอาชนะคู่แข่งด้วยลูกจุดโทษได้ในฟตบอลโลกรอบสุดท้าย หยุดสถิติที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกลงได้ด้วยน้ำมือของนักเตะที่ยิงจุดโทษไม่เข้าในรอบเซมิไฟนอลเมื่อคราว ยูโร 1996 อย่าง แกเร็ธ เซาธ์เกต

ข่าวคราวก่อนหน้านั้นคือ ลูกทีมของ เซาธ์เกต ซ้อมการยิงจุดโทษกันมาอย่างดี ซึ่งทำให้มีความมั่นใจในการดวลเป้าครั้งนี้กับ โคลอมเบีย ที่มีสถิติแพ้ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย 3 จาก 4 ครั้งหลังสุด

การเอาชนะในรอบน็อกเอ้าท์ครั้งนี้ ทำให้ สิงโตคำราม สามารถผ่านเข้ารอบคอวเตอร์ไฟนอลได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เคยทำได้ครั้งสุดท้ายใน ฟุตบอลโลก 2006 หรือเมื่อ 12 ปีที่แล้ว

และยังเป็นการเอาชนะการดวลจุดโทษได้เป็นครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์การลงเล่นระดับเมเจอร์ของทีมชาติอังกฤษ หลังจากที่พวกเขาเคยชนะการดวลเป้าทีมชาติสเปนมาแล้วใน ฟุตบอลยูโร 96 ในรอบควอเตอร์ไฟนอล ที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพ


ขอขอบคุณข่าวจาก