news

สืบเนื่องจากกรณีการวิพากษ์วิจารณ์ของเจ้าแม่แฟชั่นอย่าง “ม้า-อรนภา กฤษฎี” ในรายการ”บันเทิงปากม้า” ช่องไบร์ททีวี ที่ดันไปวิจารณ์ชุดของสาว “เปิ้ล-ไอริณ ศรีแกล้ว” ที่ใส่ออกงานประกาศรางวัลว่าก๊อปปี้มาจากดีไซน์เนอร์ต่างประเทศ จนทำให้ “ป๋อง ซีเบท” เจ้าของห้องเสื้อ “ซีเบทไทยแลนด์” ต้องออกมาลั่นระฆังเปิดศึกจี้ให้ “ม้า อรนภา” รวมไปถึงทีมผลิตรายการดังกล่าวออกมาแถลงขอโทษ ล่าสุดมีโอกาสได้เจอ “ป๋อง ซีเบท” มาร่วมงานประกาศรางวัล ระฆังทอง รางวัลทรงเกียรติแห่งปี 2558 ณ ศูนย์ประชุมสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ฯ ถนนวิภาวดี-รังสิต เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ โดยเจ้าตัวได้เปิดใจถึงประเด็นข่าวที่เกิดขึ้นว่า

กับการวิจารณ์ครั้งแรก พี่ได้ไปออกรายการคนดังนั่งเคลียร์และพูดชัดเจนแล้วว่าเราไม่ได้ออกแบบเลย เราทำตามโจทก์ลูกค้าที่สั่งตัด พี่เองไม่เคยพูดเลยว่าดีไซน์ชุดนั้นแต่ว่าเป็นการตัดเย็บของพี่เอง พี่มีของที่ดีไซน์เองที่ร้านและมีทั้งรับโจทก์จากลูกค้ามาตัด ฉะนั้นมันก็ยากที่จะมาบอกว่าให้ใครมาชอบในสิ่งที่เราทำ ในเมื่อเราทำในสิ่งที่เราออกแบบแล้วเขาไม่ชอบ เราก็เลยตัดในสิ่งที่ลูกค้าอยากได้ นี่ก็คืออีกหนึ่งเซอร์วิซของเรา มา 5 ชุดหลังนี่แหละที่เปิ้ลเขามีไอเดียมาจากดาราต่างประเทศว่าอยากได้แบบนั้นแบบนี้ เราก็มองดูว่าอะไรที่แปลกใหม่ไม่น่าจะมีปัญหา ถ้ากลัวจะโดนคนว่าเราก๊อบปี้ พี่คงไม่ทำเพราะพี่รู้แล้วว่ามีคนใส่มาก่อน เราเองก็ยืนอยู่ตรงนี้มาร 12-13 ปีแล้ว การที่เราจะทำหรือก๊อบปี้มันไม่มีเหตุผลที่จะมาฆ่าตัวเองเลย การที่มาดูถูกและเหยียดหยามพี่ว่าไม่เหมาะ ไม่อยากให้ก้าวก่ายตรงนี้ พี่ว่าทุกคนรักและเคารพอาชีพของตัวเอง ฉะนั้นคงไม่มีใครอยากโดนมองเหยียดหยาม ถ้าทุกคนทำในสิ่งที่เรามีความสุขและตอบโจทก์ลูกค้าได้ มันก็น่าจะเป็นอะไรที่ดีที่สุดแล้ว

ด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิของเขาสูง รวมไปถึงตัวพี่เองก็เคารพเขา การที่คนๆนึงมีความรู้และคนครึ่งประเทศรู้จัก ให้ความรู้กับประชาชนผิดๆ พี่ว่ามันก็ควรจะมีใครสักคนหรือองค์กรส่วนนึงออกมาพูดกับการที่เขาได้รับขนานนามว่าเป็นกูรู ฉะนั้นสิ่งที่ควรพูดก็อยากให้เกี่ยวกับความรู้ที่ถูกต้องมากกว่า และไม่อยากให้มีการเปรียบเทียบ ถ้าเปรียบเทียบก็ควรเปรียบเทียบในเนื้องานมากกว่า

ยอมรับว่าตอนแรกโกรธและเสียใจเพราะเราเคารพเขามาก ถามว่าอยากให้เขาขอโทษไหม พี่ว่ามันคงไม่ใช่เขาคนเดียวแล้วล่ะ การที่ทำรายการมันน่าจะมีมากกว่า 10 คน ใน 10 คนนี้ ทุกคนได้ไตร่ตรองและคิดแล้วจะให้รายการนี้ออกมาสู่สายตาประชาชนได้ มันคงไม่ใช่ที่พี่เขาคนเดียว จะบอกว่าเขาผิดคนเดียวก็ไม่ได้ อย่างที่เขาพูดว่ามันเป็นอาชีพของเขา พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่อาชีพของแต่ละคนก็น่าจะมีจรรยาบรรณและเคารพอาชีพของตัวเองมากกว่า

สำหรับผลกระทบก็มีต่อจิตใจโดยตรง อย่างที่บอกว่าเรารักและเคารพเขา ไม่ได้รู้จักเขาส่วนตัว การที่เราเจอคนที่เราเคารพและรักมากช่วงชีวิตนึงมาดูถูกเหยียดหยามเราโดยที่ไม่ได้รู้จักอะไรกันเลย ก็น่าจะเป็นความรู้สึกที่เสียใจ แน่นอนการที่เราชอบใครคนนึงแล้วเขามาทำร้ายชีวิตการทำงาน พี่ก็อยากได้ฟังคำขอโทษจากเขาและคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจากอีกฝ่าย เห็นล่าสุดพี่เขาบอกว่าไม่ซีเรียส

ถามว่าจะฟ้องไหม ส่วนตัวไม่อยากมีปัญหากับใครและไม่อยากมีปัญหากับผู้ใหญ่ ถ้าสมมติเขาไม่จบ เราอาจจะให้ฝ่ายกฎหมายคุยให้ ไม่อยากมีเรื่องแล้ว ตอนนี้ก็อยู่ระหว่างปรึกษาว่าข้อไหนบ้างที่เข้าข่ายและทำให้เราเสียชื่อเสียงและอาชีพที่เราทำ แต่จริงๆแล้วไม่อยากทำหรอก ล่าสุดมีรายการของเพื่อนเขาเอาชื่อพี่ไปพูดเหยียดเลยมีความรู้สึกว่ามันเริ่มบานปลายแล้ว แน่นอนว่ามันคงไม่จบ ครึ่งนึงคนคงเชื่อเขา อีกครึ่งนึงเชื่อพี่เพราะมันไม่ใช่ความจริงที่เกิดขึ้น ถ้าทีมเขาเป็นมืออาชีพพอ พี่ว่าการขอโทษไม่น่าจะยากเลย กับการที่เขายืนหยัดมา 40 ปีในวงการ การแถลงขอโทษยิ่งจะน่ายกย่องนะ กับการที่คนมีอายุ วัยวุฒิและคุณวุฒิรู้ตัวว่าผิดแล้วมีสปิริตน่าจะเป็นแบบอย่างให้รุ่นน้องได้


ขอขอบคุณข่าวจาก