news

“แทค ภรัณยู” สารภาพทั้งใจ ยังคงรัก “ดีเจต้นหอม” แต่เลือกเจ็บตอนนี้ ดีกว่ายื้อเวลาเสียใจในอนาคต

ทำเอาบรรดาแฟนคลับช็อคกันทั้งประเทศเลยทีเดียว สำหรับการประกาศยุติความสัมพันธ์ระหว่างนักแสดงหนุ่ม “แทค ภรัณยู โรจนวุฒิธรรม” และดีเจสาวอารมณ์ดี “ต้นหอม ศกุนตลา เทียนไพโรจน์” หลังทั้งคู่ตัดสินใจเลื่อนสเตตัสจากคำว่า “เพื่อนสนิท” กลายมาเป็น “คนรู้ใจ” นานกว่า 11 เดือน!!

โดยล่าสุดขณะที่หนุ่มแทคเดินทางมาร่วมถ่ายทำมิวสิควีดีโอเพลง “ยิ่งกว่าฝัน” เจ้าตัวก็ได้ถือโอกาสออกมาเผยถึงสาเหตุที่ทำให้ต้องตัดสินใจจบสถานะคนรักกับสาวต้นหอม พร้อมทั้งยืนยันผ่านสื่อว่า งานนี้จะไม่มีโอกาสรีเทิร์นรักครั้งที่ 3 เหมือนภาพในอดีตที่หลายคนจดจำได้อย่างแน่นอน…

อยากให้ยืนยันสถานะของเรากับต้นหอมอีกครั้งว่าตอนนี้ยังเป็นแฟนกันอยู่ไหม ?
“สถานะตอนนี้เราได้ตัดสินใจเลิกกันเรียบร้อยแล้วครับ เราไม่ได้ติดต่อกันมาประมาณ 1 สัปดาห์แล้ว แต่เพิ่งเลิกกันได้ 3 วัน ด้วยการโทรคุยและเฟซไทม์หากัน ซึ่งตัวต้นหอมเองเขาได้เป็นคนขอตัดความสัมพันธ์กับผมก่อน เนื่องจากชีวิตการทำงานของผม ครอบครัวของผม และเรื่องที่บ้านผมครับ”

ก่อนหน้านี้เราสองคนได้พยายามปรับจูนปัญหาบ้างไหม ?
“ถ้าไม่นับที่มีเรื่องเมื่อก่อนเราก็ไม่ได้คุยกันเลยครับ เพราะเราสองคนงานยุ่งกันทั้งคู่ แต่ก็มีครั้งหลังที่เราโทรคุยกันหรือเฟซไทม์หากันเพื่อบอกเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเลิกกับผมครับ”

เหตุผลที่เลิกมันคือเหตุผลที่เรายอมเขาไม่ได้ด้วยหรือเปล่า ?
“ยอมได้ครับ แต่มันมีอะไรมากกว่านั้นที่ทำให้เราต้องตัดสินใจหยุด เพราะ 1 อาทิตย์ที่เราไม่ได้คุยกันผมเองก็ไตร่ตรองสิ่งต่างๆ ตลอด ถามว่าเสียใจไหมมันก็ต้องเสียใจแน่นอนอยู่แล้ว แต่ถ้าให้กลับไปอีกแล้วต้องเหมือนเดิม ผมว่าตัดความสัมพันธ์เสียแต่ตอนนี้น่าจะเจ็บน้อยกว่าครับ”

เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับภาพหลุดที่เราจูบสาวด้วยไหม ?
“ผมไม่ได้จูบครับ ภาพถ่ายที่เห็นเป็นแฟนคลับผม ซึ่งเราสนิทกันมาก อีกอย่างเรื่องรูปไม่ใช่สาเหตุที่เราเลิกกันแน่นอน เพราะเราจบกันก่อนที่ผมจะถ่ายรูปแบบนั้น ดังนั้นผมจึงอยากจะบอกว่าไม่ต้องโยงไปถึงผู้หญิงที่จะเข้ามาหาผม เพราะเรื่องที่เราเลิกกันไม่ได้มีมือที่ 3 แน่นอน”

เกี่ยวไหมกับกรณีที่มีผู้หญิงอ้างว่าเป็นเจ้าของเรา แล้วเข้าไปด่าพี่ต้นหอมในอินสตาแกรม ?
“เอ่อ…ผมคิดว่าไม่ใช่ประเด็นนั้นครับ”

อาจเป็นที่ตัวเราหรือเปล่าที่ยังไม่พร้อมหยุดที่ใคร ?
“ไม่นะครับ ผมพร้อมถ้าทุกอย่างพร้อม ถ้าทุกสิ่งรอบตัวพร้อม ผมพร้อมอยู่แล้วครับ”

แสดงว่าหลักๆ ก็คือการที่เราตัดสินใจกลับไปทำธุรกิจที่เชียงใหม่ ?
“นั่นคือเรื่องหนึ่งครับ เพราะมันยังมีเรื่องของครอบครัวผม กับเรื่องของผมเข้ามาเกี่ยวข้องอีก”

เรากับต้นหอมยังมีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกบ้างไหม ?
“ไม่มีอะไรค้างคาครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงานหรือเรื่องธุรกิจ”

แล้วที่ต้นหอมเขาเคยบอกว่าคอยดูแลเรื่องการเงินให้เราล่ะ ?
“จริงๆ เราไม่ได้มีการเปิดบัญชีอะไรเลยนะครับ เพราะเงินใครเงินมัน รับผิดชอบใครรับผิดชอบมัน แต่ที่ออกมาให้สัมภาษณ์มันเป็นแค่การพูดเกริ่นไว้เฉยๆ”

หลายคนสงสัยว่างานนี้จะมีโอกาสง้อคืนดีครั้งที่ 3 ไหม ?
“จบครับ จบกันวันนี้ดีกว่า ให้ต่างคนต่างได้เดินหน้าต่อไป ยังไงผมก็ไม่กลับไปคืนดีแน่นอน ผมไม่ได้โกรธอะไรเขานะ เพียงแต่ผมคิดว่าถ้ากลับไปแล้วมันก็ต้องมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกเท่านั้นเอง ถ้าหากความรักมันมาถึงทางตันแล้วก็ต้องปล่อยเขาไปครับ”

แบบนี้มันจะทำให้เราเสียเพื่อนไหม เพราะก่อนที่เป็นแฟนกัน เราสองคนก็สนิทกันมาก?
“ไม่เสียหรอกครับ เพราะอย่างน้อยผมก็ได้เรียนรู้ผู้หญิงคนหนึ่งที่น่ารักและดีกับเรา ดังนั้นผมจึงไม่อยากตัดความสัมพันธ์ตรงนี้ออกไป”

จบกันด้วยดีไหมสำหรับความสัมพันธ์นี้ ?
“จบกันด้วยดีครับ ถ้าหลังจากนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นก็ว่ากันอีกทีครับ”

เหมือนต้นหอมก็เฮิร์ทพอสวมควรเลยกับเรื่องนี้ ?
“เอ่อ…เท่าที่ผมทราบตอนนี้เขาก็ไปพักอยู่กับเพื่อนๆ หรืออยู่กับธรรมชาติอะไรทำนองนี้ล่ะครับ”

อย่างวันนี้เราเองก็มาถ่ายเอ็มวีของตัวเอง คนก็เลยอาจมองว่ามันเป็นการเลิกเพื่อโปรโมทงาน ?
“ไม่ใช่หรอกครับผม มันเป็นเพราะจังหวะมากกว่า”

เรายังมีอะไรที่รู้สึกห่วงต้นหอมอีกบ้าง ?
“ผมห่วงเรื่องสุขภาพเขาครับ เพราะเขาทำงานเยอะ นอนดึก ตื่นเช้า บางครั้งก็เลือกกินแต่อาหารมันๆ ไม่ค่อยชอบออกกำลังกาย ก็เลยทำให้ผมเป็นห่วงเรื่องสุขภาพเขา”

ตอนนี้เราชินกับสถานะโสดบ้างหรือยัง ?
“จริงๆ เวลาตื่นมาไม่เจอเขามันก็เคว้งๆ นะ เพราะเมื่อก่อนจะต้องมีแปรงสีฟันของเราวางคู่กัน แต่เดี๋ยวนี้มันไม่มีแล้ว ซึ่งผมก็ได้แต่ต้องเดินหน้าต่อไปและยอมรับกับความจริงครับ”

สุดท้ายเรามีอะไรอยากจะบอกกับต้นหอมบ้าง ?
“เอ่อ…ขอบคุณนะครับ ขอบคุณสำหรับการดูแลเอาใจใส่ผู้ชายคนนี้เกือบตลอด 1 ปี และถ้าหากผู้ชายคนนี้ทำอะไรที่ทำให้หอมไม่สบายใจหรือผิดหวังผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ผมรักต้นหอมมากและก็ยังคงคิดถึงเสมอ เพียงแต่ตอนนี้มันถึงจุดที่เราต้องจบเราก็ต้องจบเท่านั้นเอง (ยิ้ม)”


ขอขอบคุณข่าวจาก