news

 

เสาร์นี้ 5 ทุ่มตรง ผมคงไปไหนไม่ได้นอกจากหน้าจอทีวีเป็นแน่แท้ เกมคู่ระหว่าง เรอัล มาดริด ปะทะ บาร์เซโลนา ไม่ว่าที่ไหน รายการไหน และเมื่อไร มักตื่นเต้นอยู่เสมอ

มาดริด ตามหลัง บาร์ซ่า อยู่ 4 คะแนน โดยที่ฝ่ายแรกยังไม่เสียแม้แต่ประตูเดียวในลีก ฟอร์มล่าสุดจัดว่ายอดเยี่ยมทั้งคู่ โดยเฉพาะ “ราชันชุดขาว” ที่เพิ่งเปิดคลินิกสอนฟุตบอลให้ ลิเวอร์พูล 3-0 ที่สนามแอนฟิลด์

อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญคือการกลับมาจากโทษแบน 4 เดือน ของ หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าตัวใหม่ของ บาร์เซโลนา ซึ่งคาดว่าจะได้ลงเป้นตัวจริงแน่

ไม่มีไรมากแค่จะพาไปดู “เอล กลาสิโก” ในความทรงจำกัน (เอาแค่ไม่กี่ปีหลังก็แล้วกันนะ เจอกันบ่อยเกิ๊นนน)

1. ปฐมบทความยิ่งใหญ่
เรอัล มาดริด 2-6 บาร์เซโลนา ฤดูกาล 2008-2009

บาร์ซ่า ภายใต้การคุมทีมของ โจเซป กวาร์ดิโอล่า ในปีแรก ฉายแววความเป็นยอดทีมออกมาให้ชาวโลกให้เห็นกัน ทั้ง 2 ทีมมีโอกาสยิงประตูอย่างมากมาย เพียงแต่ บาร์เซโลนา ฉกฉวยความผิดพลาดของแนวรับคู่ได้มากกว่า

 

ซึ่งชัยชนะในนัดนี้เป็นการเปิดศักราชยุคทองของพวกเขาเหล่า “กูเล่” ถ้วยรางวัลทุกใบถูกขนเข้าวากองไว้ที่หน้าสนามคัมป์ นู แชมป์ ลา ลีกา ได้มากอย่างไม่ยากเย็น เช่นเดียวกับ โกปา เดล เรย์ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

บาร์เซโลนา ชุดทริปเปิ้ล แชมป์ 2009 ถูกยกให้เป็นหนึ่งในทีมฟุตบอลชุดที่ดีที่สุดตลอดกาลของโลกลูกหนัง

2. สอนมวย มูรินโญ่
บาร์เซโลนา 5-0 เรอัล มาดริด ฤดูกาล 2010-2011

โชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามาคุมทีม เรอัล มาดริด เป็นปีแรก หลังจากพา อินเตอร์ มิลาน คว้าทริปเปิ้ล แชมป์ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นการปราบ บาร์ซ่า ในรอบตัดเชือกแชมเปี้ยนส์ ลีก เรอัล มาดริด เสริมทัพอย่างบ้าคลั่งเพื่อหวังเขี่ย บาร์ซ่า ตกจากบัลลังก์ เมซุต โอซิล, ซามี่ เคห์ดิร่า และ ชาบี อลอนโซ่ ถูกซื้อเข้ามา แต่มันไม่ช่วยอะไรเลย

 

บาร์เซโลนา โชว์ชั้นเชิงไล่ปู้ยี่ปู้ยำ “ราชันชุดขาว” อยู่ฝ่ายเดียว อดีตแชมป์ยุโรป 9 สมัยสู้ไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว สกอร์ที่ออกมาโหดร้ายเอามากๆ ชัยชนะ 5-0 ที่สนามคัมป์ นู

3. บันไดสู่จ้าวยุโรป
เรอัล มาดริด 0-2 บาร์เซโลนา ฤดูกาล 2010-2011

รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่สนามซานติอาโก้ เบร์นาเบว เกิดขึ้นหลังจากที่ เรอัล มาดริด เอาชนะ บาร์ซ่า ในศึกโกปา เดล เรย์ นัดชิงฯ เมื่อไม่นานมานี้เอง

 

การแข่งขันดำเนินไปอย่างเข้มข้น และสกปรก ฝ่ายหนึ่งงัดลูกหนังมาเล่นงานตามสไตล์ขาโหด ส่วนอีกฝ่ายงัดเอาลูกมารยาออกมาใช้ บทสรุปคือ เปเป้ โดนใบแดงไล่ออกจากจังหวะยันหน้าแข้ง แดเนียล อัลเวส แม้ภาพช้าจะแสดงให้เห็นว่า “ไม่โดน” ก็ตาม

มาดริด ที่เหลือ 10 คน ไม่อาจต้านทานบอลคอนโทรลได้ เมสซี่ เข้าฮอสจากลูเปิดของ อิบราฮิม อเฟลลาย ก่อนที่ เมสซี่ จะโซโลเดี่ยวหลบแนวรับ “ราชันชุดขาว” 4 คนเข้าไปยิงฝัง 2-0 และก้าวสู่แชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งที่ 2 ในรอบ 3 ฤดูกาล

4. ฉลองแชมป์ที่คัมป์ นู
บาร์เซโลนา 1-2 เรอัล มาดริด ฤดูกาล 2011-2012

ทั้ง 2 ทีมทำแต้มขับเคี่ยวกันอย่างสูสี เรอัล มาดริด ห่างเหินจากตำแหน่งแชมป์มาตั้งแต่ปี 2008 ขณะที่ บาร์ซ่า ครองบัลลังก์แชมป์ 3 สมัยซ้อน การแข่งขันก็เข้มข้น

 

แต่จุดอ่อนในเกมนี้อยู่ที่แนวรับของ บาร์เซโลนา ที่ปล่อยให้ มาดริด หลุดเข้าไปยิงง่ายดายเหลือเกิน จนพวกเขาแพ้คาบ้าน และเป็นเหตุให้ เรอัล มาดริด ทำแต้มทิ้งห่างจากเกมนี้เอง และคว้าแชมป์ลีกไปครองในที่สุด

ก่อนจบฤดูกาล โจเซป กวาร์ดิโอล่า เทรนเนอร์ของ บาร์ซ่า ประกาศลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากหมดไฟในการคุมทีม

5. “เอาแกเร็ธ เบลไม่อยู่”
เรอัล มาดริด 2-1 บาร์เซโลนา ฤดูกาล 2013-2014

ศึกโกปา เดล เรย์ นัดชิงชนะเลิศ ที่สนามเมสตาย่า สเตเดี้ยม โดยที่นัดนี้ เรอัล มาดริด ไม่มี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่บาดเจ็บ และมันดูเหมือนจะส่งผลกระทบอยู่บ้างเหมือนกัน

 

ทว่า บาร์เซโลนา พลาดอย่างแรงที่ปล่อยให้นักฟุตบอลที่วิ่งเร็วที่สุดในโลกอย่าง แกเร็ธ เบล มีพื้นที่ประกอบกับ มาร์ก บาตร้า กองหลังคนสุดท้ายของ บาร์ซ่า อ่อนหัดเองด้วยที่กระแทก เบล ไม่อยู่ และนำมาซึ่งประตูที่เหลือเชื่อที่สุดลูกหนึ่งของซีซั่น

 


ขอขอบคุณข่าวจาก