แมวผี

เรื่องแมวดำกับผีนับว่าเป็นเรื่องน่ากลัวคู่กับไสยศาสตร์คู่กับคนกลัวผีมายาวนานก็ว่าได้

โดยเฉพราะคนไทยที่เชื่อว่าหากงานศพใด มีแมวดำเข้ามาเพ่นพ่าน สมควรไล่ไปให้พ้น เพราะหากวันดีคืนดีเจ้าแมวดำดันมากระโดดข้ามโลงศพ มีหวังแขกแตกตื่นวิ่งไปคน ละทิศคนล่ะทาง เหตุเพราะเป็นการฝึกคนตายให้ฟื้นคืน หากเป็นการฟื้นคืนมาพร้อมลมหายใจ คงไม่มีใครเตลิด แต่เพราะเป็นการเรียกวิญณาณให้หวนนคืน แถมฟื้นคืนมาคราวนี้จะมาพร้องความอาฆาตพยาบาท อาละวาดหลอกหลอนคนอื่น หรือว่าจะมาดีก็ยังไม่รู้ เป็นใครก็ต้องวิ่งไปก่อนตามประสาคนกลัวผี นั่นเป็นความเชื่อหนึ่งของคนรักไสยศาสตร์

พิธีศพ ต่อให้เป็นพิธีกรรมพิธีกรรมที่คึกคักอย่างไร แต่ในงานพิธีแล้ว ความจริงก็วังเวงและเต็มไปด้วยความโศกสลด

เฉพาะบรรยากาศก็ชวนให้ขนลุกขนพองแล้ว ผสมปนเปไปกับเจ้าแววดำกับแววตาลุกโซน หรือทั้งเสียงร้องที่ก้องกังวานทั่วศาลาการเปรียญในยามที่ทุกคนตกอยู่ในความ นิ่ง ก็ยังชวนให้ขนพองสยองกันไปใหญ่ แต่เรื่องแมวดำยังคงเป็นเรื่องลี้ลับในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้านอีกหลายๆ ประเทศ

อย่างในตำนานเก่าแกของอินเดียโบราณ เชื่อกันว่าแมวดำเป็นสัตว์ผี
อันเป็นพาหนะของพระษัษฐีซึ่งคนอินเดียเขารู้จักกันดีว่าเป็นเทวีแห่งความตาย ของทารก หรือผีแม่ซึ่งประจำตัวเด็กนั่นเอง ว่ากันว่าหากใครเห็นแมวดำที่ไหนในทุกวันที่ 6 มักจะเห็นพระษัษฐีปรากฎกายอยู่ ณ ที่นั่น และหมายถึงว่าจะมีเด็กหรือมีคนตายที่นั่นด้วยเช่นกัน มาถึงพิธีศพก็เช่นกัน ทางอินเดียก้อจะขับไล่แมวดำที่มาป้วนเปี้ยนออกไป และถ้าหากบังเอิญแมวดำไปโดนศพเข้า ก็เชื่อกันว่าจะกลายเป็นรอยมลธินกับศพนั้นๆไปตลอด นี่คือความเชื่อของชาวอินเดีย

ต่อมาเป็นความเชื่อของจีน
ในคติความเชื่อของจีน ก็ถือกันว่าหากแมวข้ามสพผีนั้น จะฟื้นคืนชีพและกลายเป็นผีที่ดุร้ายมากซึ่งก็ไม่ต่างจากไทย แต่ที่พิเศษกว่าคือ ต้องเอากรรไกรหรือเหล็กวางไว้บนอกศพ เพื่อเป็นเหมือนตัวการสะกดวิญญาณ ไม่ให้ลุกขึ้นมาเกี้ยวกราด และวิธีการนำกรรไกรมาวางไว้บนอกนั้น ก็ยังพบเห็นในงานพิธีศพของชาวมลายูด้วย