เปิดตำนานผีดูดเลือดบราห์ม สโตรกเกอร์คือผู้เขียนนวนิยายสยองขวัญเกี่ยวกับผีดูดเลือดมันเป็นเรื่องประหลาดที่เขาเขียนเรื่องนี้ขึ้นโดยมิได้เคยเดินทางไปยังเทือกเขาคาร์เพเทียนในรูมาเนียอันเป็นถิ่นกำเนิดของตำนานผีดูดเลือดอันน่าสะพรึงกลัว ท่านเคานต์ แดร็คคิวลา จอมผีดิบผู้มีปราสาทพำนักอยู่บนเทือกเขาคาร์เพเทียนและแบล็คฟอเรสท์ (ป่าดำ) ที่แม้ปัจจุบันก็ยังคงเป็นที่หวงห้ามและไม่พึงจะไม่เข้าไปวอแวของชาวรูมาเนีย แต่กลับมีนักท่องเที่ยวหลั่งใหลมาเที่ยวชมตำนานผีดูดเลือดกับปีละมากๆ ทำให้สินค้าพื้นเมืองขายดิบขายดีกันตลอดปีตามไปด้วยบราห์มวาดภาพท่านเคานต์ไว้ว่าเป็นชายแก่ที่มีดวงตาแข็งกร้าว ปากมีสีแดงสด มีเขี้ยวคมขาววับงอกโผล่พ้นริมฝีปากออกมาสวมชุดสีดำสวมเสื้อคลุมดำมีชีวิตอยู่ด้วยการดูดเลือดสดๆ จากคอของเหยื่อมีอายุยืนยาวมากว่า 400 ปีเลยทีเดียวภาพของท่านเคานต์แตกตางไปจากตำนานดั้งเดิมของชาวรูมาเนีย เพราะชาวรุมาเนียนั้นเชื่อว่าผีดิบดูดเลือดจะสวมชุดที่เขาใส่ก่อนจะถูกบรรจุใส่โลงลงฝังในดินและฟื้นคืนชีพมาอาละวาดในชุดนั้นเอง ท่านเคานต์แดร็คคิวลาจะตื่นขึ้นเมื่อแสงอาทิตย์ลำสุดท้ายลับโลกและออกล่าเหยื่อไปในท่ามกลางความมืดและหนาวเหน็บของราตรี เมื่ออิ่มแล้วจะกลับคืนสู่โลงศพที่ซ่อนไว้ในห้องใต้ดินของปราสาทเพื่อนิทราในท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงบนพื้นโลกแต่ห้องใต้ดินกลับไร้ซึ่งแสงสุริยาแม้แต่เท่ารูเข็มเพราะแสงอาทิตย์คืออาวุธที่สำคัญอย่างหนึ่งที่สามารถทำลายสังขารอันผ่านกาลเวลามากกว่า 400 ปีของท่านเคานต์ลงได้อย่างหมดจด ตำนานของชาวคาร์เพเทียนมิได้บอกว่าผีดิบขึ้นมาจากโลงที่ถูกฝังลึกลงไปได้อย่างไรเพราะผีดิบไม่ใช่วิญญาณแต่เป็นศพที่ไร้ลมหายใจจะแทรกโลงแทรกพื้นดินขึ้นมาไม่ได้ แต่ตำนานกลับซ่อนปมเด่นของท่านเคานต์ไว้ว่า สามารถแปลงร่างเป็นค้างคาว เป็นหมาป่า เป็นกลุ่มควันและมีอำนาจสะกดจิตในดวงตากล้าแข็งมากจนเมื่อได้สบตาเหยื่อแล้วเหยื่อจะไม่อาจขัดขืนให้ท่านเคานต์ดูดเลือดจากคอได้เลย ผีดูดเลือดมาจากไหนนี่เป็นคำถามที่ยังไม่มีคำตอบมาก่อนจนถึงศตวรรษที่19 ได้มีการค้นพบค้างคาวชนิดหนึ่งในป่าร้อนชื้นของทวีปอเมริกา เจ้าค้างคาวประเภทนี้มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการใช้เขี้ยวเจาะเส้นเลือดของสัตว์ต่างๆแล้วดูดเลือดกินมันจะเข้าจู่โจมสัตว์เลี้ยงเช่นแกะ ...