new

คงต้องขออนุญาตใช้คำว่า “เกือบจำแทบไม่ได้” สำหรับนักแสดงสาวรุ่นใหญ่ “แอ๊ว อำภา ภูษิต” ที่โผล่รับงานอีเว้นท์พร้อมกับใบหน้าที่ดูเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดจากอาการบวมผิดปกติ จนทำให้หลายคนพากันสงสัยว่าเจ้าตัวแอบไปขึ้นเขียงให้คุณหมอช่วยจิ้มหน้าเพื่อรักษาความสวยความสดมาหรือเปล่า!? ซึ่งหลังจากจบงาน “แอ๊ว อำภา” ก็ได้ถือโอกาสออกมาเคลียร์แบบชัด ๆ ถึงอาการหน้าบวมดังกล่าวให้เราฟังว่า…

“ต้องจำไว้เลยนะคะทุกคน เพราะว่าเมื่อเดือนก่อนเกิดอุบัติเหตุ เปิดประตูรถและก้มลงไปเพื่อไปเอากระเป๋าอีกเบาะหนึ่ง แต่ปรากฏว่าหัวดันฟาดไปกับขอบประตูรถ บวมเลย (ชี้หน้าผาก) และหลังจากนั้นก็อาเจียนมาตลอด จนไม่สามารถทำงานได้ สุดท้ายต้องไปนอนโรงพยาบาล 7 วัน เพราะหน้าบวมมาก ๆ บวมจนน่าเกลียด ซึ่งคุณหมอก็ช่วยทำให้แฟบลง”

ไม่ได้เกี่ยวว่าเราไปฉีดโบท็อกซ์หรือจิ้มอะไรมาแล้วทำให้หน้าบวมใช่ไหม ?
“ไม่ใช่ค่ะ แต่มันเป็นอาการแพ้จนบวม คุณหมอก็เลยช่วยฉีดยาลดบวมเพื่อให้หน้ามันยุบลง ถ้าสังเกตวันนี้มันก็ยังบวมอยู่เลย ไม่ได้ไปทำศัลยกรรมอะไรแน่นอน เพราะมันบวมขนาดนี้มีแต่อยากจะเอาลง”

สรุปก็คืออุบัติเหตุหัวฟาดก็คือสาเหตุที่ทำให้หน้าบวม ?
“ถูกต้องค่ะ อยากให้ทุกคนระวังให้ดีเพราะมันเป็นผลพวงจากการที่เราเอาหัวไปฟาดกับรถ ตอนนี้หน้าบวมมาก ยาก็แพ้อุตลุดไปหมด ดังนั้นต้องระวังให้ดี”

คุณหมอได้บอกไหมว่าเราไปกระแทกโดนส่วนไหนหน้าถึงบวมได้ขนาดนี้ ?
“หมอวิเคราะห์ไม่ออกค่ะ หมอรู้แต่ว่าแพ้น้ำเกลือ แพ้ทุกอย่าง แต่ถามว่าน่าเกลียดไหมคือถ้าเราไม่ใช่นักแสดงมันก็ไม่น่าเกลียดหรอก แต่ว่าตอนนี้เราเป็นนักแสดงไง ดังนั้นเลยทำให้แคร์มากค่ะ และสิ่งเดียวที่ทำได้คือฉีดให้มันยุบลง (ยิ้ม)”

อัพเดทเรื่องหัวใจสักนิดนึงตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ?
“หัวใจยังดีค่ะ โทรคุยกันทั้งวันทั้งคืนเลย (หัวเราะ) แต่มีแพลนไว้แล้วนะว่าช่วงปีใหม่นี้จะเบรกงานสัก 1-2 เดือน บินไปอยู่กับเขาที่เมืองนอก แล้วค่อยกลับมาเริ่มทำงานอีกครั้ง”

ตอนนี้ความคืบหน้าเรื่องการจดทะเบียนสมรสวางแผนไปถึงไหนแล้ว ?
“ก็ทริปนี่ละค่ะไปจดแน่นอน แต่ยังไม่รู้เลยว่าจะไปจดกันที่ประเทศไหน อาจจะเป็นสวีเดนหรือนอร์เวย์ก็ได้ (ยิ้ม)”

หลังจากจดทะเบียนแล้วตั้งใจจะไปอยู่กับแฟนเลยหรือว่าทำงานในวงการไปก่อน ?
“ก็จะเล่นละครไปจนกว่าจะไม่มีใครจ้างนั่นแหละ และเมื่อถึงตอนนั้นก็คิดว่าอาจจะไปเปิดร้านอาหารไทยที่ประเทศสวีเดนกับแฟน”

พอจดทะเบียนแล้วตั้งใจจะเปลี่ยนนามสกุลเลยไหม ?
“เรื่องนี้ต้องถามแฟนค่ะ เพราะถ้าไม่ใช้ของเขาก็ใช้ของเรา เอาไว้ค่อยไปตกลงกันอีกที”

ปกติเจอหน้ากันบ่อยแค่ไหน เพราะเท่าที่ฟังดูเหมือนงานยุ่งทั้งคู่ แถมอยู่กันคนละประเทศ ?
“ปีละ 3 เดือนค่ะ (ยิ้ม) แต่ว่าเราไม่ได้ขาดกันนะ เพราะอย่างที่บอกตอนแรกเราโทรคุยกันโทรหากันทั้งวันทั้งคืน”

กลัวไหมว่าเรื่องระยะทางจะส่งผลกับการใช้ชีวิตคู่ในอนาคต ?
“ไม่กลัวเลยค่ะ เพราะเราโทรหากันตลอด แต่โทรฟรีนะโทรหากันผ่านโปรแกรม โทรศัพท์เสียเป็นเครื่อง ๆ (หัวเราะ)”

นอกจากจดทะเบียนแล้วตั้งใจจะมีพิธีแต่งงานด้วยไหม ?
“สำหรับพี่ไม่ได้ซีเรียสอะไรขนาดนั้นค่ะ เพราะว่าแค่จดทะเบียนมันก็มากแล้ว แต่ว่าสำหรับตัวแฟนเขาก็อยากให้มี”


ขอขอบคุณข่าวจาก