news

 

จากกรณีที่ นายศุรเฎฒฌ์ กรณ์งูเหลือมโชต หรือ “โจอี้ บาซู” อดีตนักร้องชื่อดัง ถูกตำรวจ สน.โชคชัย บุกจับกุมคาห้องพักในข้อหาเสพยาไอซ์ โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่แมนชั่นแห่งหนึ่ง ภายในซอยนาคนิวาส 37 กรุงเทพมหานคร ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด กำปั้น กวินพนธ์ พาณิชย์พงส์ หนึ่งในสมาชิกวงบาซู ได้ออกมาเปิดเผยว่า เพิ่งทราบข่าวจากสื่อว่า “พี่โจอี้” ถูกจับกุม เมื่อได้ยินข่าวเช่นนั้นรู้สึกช็อก ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน ยอมรับว่ายังไม่ได้มีการพูดคุยกับ เด็บบี้ บาซู เพื่อนสมาชิกอีกคน ที่ขณะนี้อาศัยอยู่ที่สหรัฐอเมริกา แต่คาดว่าคงได้คุยกันในอีกไม่นาน

หลังจากนี้ขอให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ว่าจะส่งไปบำบัดหรือนำไปไว้ที่ไหน แต่ใจจริงพอทราบข่าวอยากไปเยี่ยมตั้งแต่ตอนนี้เลย ตนได้เจอกับ “พี่โจอี้” ล่าสุดก็เมื่อช่วงงานศพของภรรยาโจอี้ เมื่อช่วงปีที่ผ่านมา ตนก็โทรศัพท์คุยกับ “พี่โจอี้” 2 เดือนครั้ง ช่วงหลังไม่ได้มีงานวงบาซู ทำให้ไม่ค่อยได้เจอกัน แต่คุยกันบ้างเรื่องงานออกซิงเกิ้ลร่วมกันหรือไม่ แต่ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา “พี่โจอี้” ก็เงียบหายไป แล้วออกจากกรุ๊ปแชทกลุ่มของบาซูไป แต่ตนไม่ได้คิดอะไร

จนกระทั่งมาเห็นข่าวรู้สึกแปลกใจ เพราะที่ผ่านมา ตนไม่เคยคุยเรื่องรายละเอียดของงาน “พี่โจอี้” ว่าทำอะไรบ้าง พอมารู้ว่ายุ่งเกี่ยวยาเสพติดคือช็อกมาก เพราะแม้แต่บุหรี่ตนยังไม่เคยเห็น “พี่โจอี้” สูบเลย จึงสงสัยว่าไปยุ่งเกี่ยวได้อย่างไร

หรือว่าอาจจะเป็นความเครียดหลังแฟนเสียชีวิตเลยทำให้ชีวิตเป๋ไป จากเป็นคนสดใสร่าเริง เล่นมุกตลก กลับกลายเป็นคนเงียบขรึม จากเคยส่งรูปมาในแชทมาบ่อยๆ ก็หายไปเช่นกัน

ส่วนคำถามกรณี “พี่โจอี้” อยู่กับครอบครัวหรือไม่นั้น กำปั้น กวินพนธ์ ระบุว่า ด้วยวัยที่ห่างกันการใช้ชีวิตทำให้ไม่สนิทกัน แต่ตอนที่ทำวงบาซูที่สนิทเพราะได้ทำงานร่วมกัน ปีหนึ่งเจอ 2-3 ครั้งเวลามีงานของวงบาซู แต่ตนไม่ทราบว่าชีวิต “พี่โจอี้” อยู่กับใคร

แต่ตนมาทราบข่าวอีกทีคือ ตอนแฟนของพี่โจอี้เสียชีวิต ขณะนั้นรู้สึกสงสัยว่าทำไมแฟนเสียกะทันหัน พร้อมยอมรับว่า เมื่อดูข่าวก็พบว่า พี่โจอี้ดูโทรมไปเยอะและไม่เคยเห็นในสภาพที่ผมหงอก เนื่องจาก ตนเคยเห็นแต่ภาพพี่โจอี้มีผมเปียแบบพี่โจอี้

 

สำหรับกรณีที่ “พี่โจอี้” บอกสื่อว่า เป็นสายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วคล้ายกับโดนหักหลัง กำปั้น บอกว่า เรื่องนี้เป็นคำถามที่ต้องหาคำตอบ เพราะเรื่องดังกล่าวตนไม่ทราบ แต่ขอไปเยี่ยมพี่โจอี้และสอบถามเสียก่อนถึงจะตอบคำถามจากสื่อได้

นอกจากนี้ นายกวินพนธ์ บอกว่า ตนทราบเพียงว่าครอบครัว “พี่โจอี้” มีลูกสาว 1 คน ตั้งแต่ออกอัลบั้มบาซู ชุดแรก ส่วนอีก 4 คนเป็นลูกบุญธรรมตนไม่ทราบ เพราะไม่เคยเห็นหน้าและไม่รู้จัก แต่ลูกสาวคนแรกตนเคยเจอหน้าตั้งแต่ตอนเด็ก โดยเคยเจอกับลูกสาวพี่โจอี้ เพียง 3 ครั้ง
สำหรับเรื่องลูกพี่โจอี้ ค่อนข้างปิดข่าวเรื่องลูกเช่นกัน เพราะไม่ค่อยได้พามาพบเจอใคร ทำให้ตนไม่ได้สนิทกับทางพี่โจอี้ และไม่ทราบว่าครอบครัวของพี่โจอี้ อาศัยอยู่ที่ใด เนื่องจาก เมื่อตอนดูข่าวก็สงสัยว่า พี่โจอี้ไปอยู่ที่แมนชั่นดังกล่าวได้อย่างไร

อย่างไรก็ตาม กำปั้น ขอไปเยี่ยมพี่โจอี้ก่อน พร้อมกับให้กำลังใจ อยากเจอและเห็นพี่โจอี้มากกว่า ที่ผ่านมาพี่โจอี้ ทำสิ่งต่างๆ ไว้เยอะ ทำงานขยันและเต็มที่กับงาน และคนเรามีทั้งข้อดีข้อเสียผิดพลาดก็แก้ไข ในฐานะน้อง ให้กำลังใจ ซึ่งพี่โจอี้ไม่ได้ค้ายาเสพติดหรือไปฆ่าใคร

สุดท้าย กำปั้น ได้ฝากไปถึงแฟนคลับบาซูว่า “ขอส่งกำลังใจให้ พี่โจอี้ อย่าเพิ่งซ้ำเติม ขอให้ดูไปก่อน เพราะพี่โจอี้ได้ทิ้งท้ายไว้อย่างนั้น และก็ยังไม่ทราบความจริงคืออะไร”

ต่อมา ทีมข่าวยังได้ลงพื้นที่ไปยังที่พักของ “โจอี้ บาซู” ได้พบกับ นายสมัย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของแมนชั่นดังกล่าว เปิดเผยว่า ตนเพิ่งมาทำงานได้เพียงไม่กี่เดือน เมื่อเข้ามาพบว่า “โจอี้” ได้เข้ามาพักอาศัยที่แมนชั่นอยู่แล้ว

จากการสังเกตจะพบว่า “โจอี้” ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ตอนกลางวันจะชอบอาศัยอยู่ภายในห้อง นานๆจะเดินออกมา แต่จะมีเพื่อนเดินทางมาหาทุกคืนทั้งเวลาหัวค่ำ กลางดึก และช่วงเช้ามืด เพื่อนที่พบส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายเสียมากกว่า

นายสมัย บอกว่า มีทั้งคนขับรถญี่ปุ่นไปถึงขับรถเบนซ์ แต่ตนทราบว่าเป็นเพื่อน “โจอี้” เพราะทุกคนจะมาขอให้เปิดประตูให้ แต่ไม่เห็นว่ามีดาราหรือศิลปินมาหา

 

นอกจากนี้ นายสมัย บอกว่า ยังไม่เคยเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือตำรวจนอกเครื่องแบบมาหา จึงไม่ทราบว่า “โจอี้ ” จะใช่สายตำรวจตามที่ให้ข่าวกับสื่อหรือไม่ ส่วนลูกสาวที่เป็นวัยรุ่น นายสมัย บอกว่า ช่วงก่อนมาบ่อยแต่ระยะเวลา 1 เดือนให้หลังมานี้ไม่พบลูกสาวของ “โจอี้”

นายสมัย เล่าต่อว่า “โจอี้” มักจะชอบไหว้วานให้พนักงานรักษาความปลอดภัยซื้อของรับประทานให้เป็นประจำ แต่มีบางครั้งที่มาขอยืมรถจักรยานยนต์ของตนไปซื้อของ เพราะ “โจอี้” ไม่มีรถส่วนตัว และมีครั้งหนึ่งที่ “โจอี้” มาขอเงินเพื่อน รปภ.ของตนไปเป็นจำนวนเงิน 1,000 บาท และบอกว่าจะโอนคืนให้ แต่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ได้คืน

นอกจากนี้ เมื่อ 3 เดือนก่อน เพื่อนของ “โจอี้” ที่มาหาเป็นประจำ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจมารอจับกุมอยู่หน้าตึก แต่ไปโรงพักเพียงชั่วครู่ก็กลับมาเอารถ คาดว่าน่าจะถูกตรวจฉี่ หลังจากนั้นมาตนไม่เคยเห็นหน้าเพื่อนที่ถูกจับกุมคนนี้อีกเลย ในครั้งนั้น “โจอี้” อยู่ข้างบนห้อง ไม่ได้ถูกจับกุมด้วย

จนกระทั่งคืนวันที่ 23 มีนาคม “โจอี้” ถูกตำรวจบุกจับกุมคาห้องพัก ตนก็รู้สึกตกใจเหมือนกันว่า “โจอี้” เสพยาไอซ์จริงหรือ เพราะเห็นกลุ่มคนที่มาหาขับรถดีๆ ทั้งนั้น


ขอขอบคุณข่าวจาก