ร้านช้างเผือกที่เมืองนี้มีร้านอาหารที่หลบอยู่ในสวนอัมพวา ขึ้นชื่อว่ารสชาติเด็ดจริงๆ
ร้านช้างเผือกเมืองแม่กลอง
ที่เมืองนี้มีร้านอาหารที่หลบอยู่ในสวนอัมพวา ขึ้นชื่อว่ารสชาติเด็ดจริงๆ
หากขับรถเข้าไปถึงตัวเมืองแม่กลองแล้ว เลยเข้าไปทางอุทยานฯ ร.2 ตลาดน้ำอัมพวา พอลงสะพานข้ามคลองอัมพวาไปอีกครู่หนึ่ง สังเกตขวามือมีป้ายเขียนว่า "วัดช้างเผือก" เตรียมลดความเร็วได้เลย เพราะอีกไม่ถึง 500 เมตร ก็จะเห็นวัดบางพรมอยู่ซ้ายมือพอดี จอดรถที่หน้าวัดได้เลย ส่วนร้านที่ว่าอยู่ขวามือต้องเดินข้ามถนนไป ชื่อ "ร้านช้างเผือก"
ร้านไม่ได้สวยงามอะไร แต่สะอาดตาใช้ได้ แบบบ้านชาวบ้านจริงๆ ไม่สังเกตดีๆ ก็จะไม่รู้ว่าเป็นร้านอาหาร
เข้าไปในร้านเลือกนั่งโต๊ะที่พอประมาณจะดียิ่ง เพราะอาหารเขาจานใหญ่ๆ เดี๋ยวจะไม่พอวาง
ถาม "ป้าติ๋ว" หรือ ปราณี ชยานุวัฒน์ เจ้า ของร้านและแม่ครัวมือทองว่า คนที่มาร้านนี้ เขาสั่งอะไรกินกัน จึงสั่งเลียนแบบไป 4-5 อย่าง
"ข้าวผัดกรรเชียงปู" ชูโรงให้จานอื่นๆ อร่อยตาม นอกจากกลิ่นหอมเย้ายวนแล้ว หน้าตายังดีอีกด้วย เพราะกรรเชียงปูอันใหญ่ ข้าวที่นอกจากผัดคลุกกับไข่ไก่แล้วยังมีไข่ปูก้อนใหญ ่เต็มไปหมด จึงได้รสชาติหวานมัน
"ปลากะพงโจรสลัด" เป็นปลากะพงทอด วางนอนมาเต็มจาน มีกุ้ง 3 น้ำทอดตัวโตวางประดับมา เคียงด้วยกรรเชียงปูอันใหญ่ ปลาหมึกทอด พริกไทยอ่อนสด ราดด้วยน้ำปรุงรสทั้งเผ็ด หวาน เปรี้ยว เค็ม อร่อยถึงใจ
"ผัดไทยกุ้งสด" เป็นผัดไทยที่วางมาในจานเหมือนปกติ แต่ไม่เหมือนผัดไทยทั่วไปที่มักจะแห้งและมัน แต่ผัดกับน้ำปรุงที่แฉะค่อนไปทางหวาน รสจัด มีกุ้งตัวใหญ่เผาวางเคียงมาด้วย แต่เริ่มเบื่อกุ้งตัวโต เพราะเห็นวางมาในอาหารเกือบทุกจาน แต่มาทราบความจริงจากป้าติ๋วว่า จริงๆ แล้วผัดไทยเป็นแค่ของแถม แกจะขายกุ้งเผา แต่กลัวคนเลี่ยนก็เลยเอาผัดไทยเคียงมาให้แกล้มด้วย
"ส้มตำเวียดนาม" เป็นส้ม ตำเหมือนทั่วไปแต่ใส่ผักหลายชนิดกว่าทั้งแครอต มะละกอ ฯลฯ และเครื่องปรุงที่รสจัดจ้าน และมารู้สึกถึงรสชาติที่แปลก เพราะเขานำถั่วตัดมาโขลกคลุกลงไปด้วย ทำให้มีรสหวานที่อร่อยกว่าน้ำตาลทรายหรือน้ำตาลปี๊บ
"ต้มยำไก่บ้าน" ยังไม่ต้องพูดเรื่องรสชาติที่แซบเผ็ดร้อนถึงใจ เห็นแค่หน้าตาก็ถึงใจแล้ว เพราะใส่พริกขี้หนูสวนสีเขียวมาเต็มชาม ป้าติ๋วบอกว่าใช้พริกวันละถึง 10 กิโลกรัม
นอกจากนี้ยังมี "ไก่บ้านต้มน้ำปลา" ที่ป้าติ๋วบอกว่าได้สูตรมาจากนายตำรวจคนหนึ่งในอัมพว าเมื่อ 30 ปีก่อน แต่ท่านยังต้องกลับมาซื้อกินที่ร้านนี้ เพราะรู้สูตรแต่ทำอย่างไรก็ไม่อร่อยเท่า
นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่นอีกเช่น "กุ้งสามรส" "ปลาเก๋าเต้ยโจรสลัด" ที่นำปลามาทอดราดเครื่องทะเลน้ำขลุกขลิก มีทั้งรสหวาน มัน เค็ม "กรรเชียงปูผัดหน่อไม้น้ำ" "เส้นหมี่เหลืองผัดช้างเผือก" ฯลฯ
ก้มหน้าก้มตากินแบบไม่สนใจใครจนอิ่ม เข้าไปสำรวจในครัวพบว่า เครื่องเคราที่นำมาทำอาหารให้เราไม่ธรรมดาจริงๆ น้ำมันทอดปลาจะใช้ใหม่ทุกครั้ง และเป็นน้ำมันปาล์ม ส่วนจะผัดหรือทำอย่างอื่นจะใช้น้ำมันรำข้าวและน้ำมัน ข้าวโพดเท่านั้น เว้นไว้อย่างเดียวว่า ถ้าใครสั่ง "ผัดผักหางหงส์" เขาจะใช้น้ำมันมะกอกผัดให้
ส่วนซอสหรือเครื่องปรุง ก็เป็นของดีที่เหมือนเรากินที่บ้านนั่นแหละ ป้าติ๋วบอกว่า "กินอะไรก็อยากให้คนอื่นกินอย่างนั้น" แม้การปรุงก็ธรรมดามากๆ คือ ใช้เตาอั้งโล่ มาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษนานถึง 30 ปีแล้ว ทำให้อาหารมีกลิ่นหอมและปลอดภัย
ขอแนะนำว่าถ้าอยากกินหลายเมนูควรมากันตั้งแต่ 4 คนขึ้นไป ซึ่งร้านจะเปิดตั้งแต่เวลา 10.00-19.00 น. อังคาร-อาทิตย์ ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ เปิดถึง 2 ทุ่ม หากเป็นไปได้ควรมาวันธรรมดาก็จะดี เพราะเสาร์-อาทิตย์ คนจะเยอะมาก โทร.(034) 725-414 และ 725-541
ข้อมูลรูปภาพร้านอาหาร เอื้อเฟื้อโดย www.aroys.com ศูนย์รวมอาหารในประเทศไทยบนอินเตอร์เน็ต
|
l 
