news

นักแสดงหนุ่มจากซีรีส์ น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ “ฟิล์ม ณัฐกวี บุญประเสริฐ” ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเปิดใจเป็นครั้งแรก หลังถูกภรรยาสาว “แพร์ ชนิตา สุวรรณานุช” ออกโรงแฉพฤติกรรมสุดเอือมระอาที่อ้างว่า เจ้าชู้ เดี๋ยวรัก เดี๋ยวเลิก แถมขณะที่ใช้ชีวิตสามีภรรยาก็ไม่ได้หวานชื่นเหมือนคู่รักปกติ เพราะต้องคอยปกปิดสถานะเนื่องจากความเป็นดาราของฝ่ายชาย และที่หนักกว่านั้นยังระบุด้วยว่าช่วงที่ลูกชาย “น้องพอร์ช” อายุได้เพียง 3 เดือน ก็ยังเคยถูกทุบตีจนร่างกายเขียวช้ำมาแล้ว

มีอะไรอยากพูดบ้างกับเรื่องที่เกิดขึ้น ?
ฟิล์ม – “ก่อนอื่นนะครับผมก็ต้องขอโทษคุณแม่ ขอโทษสังคมครับ และก็ขอโทษเขา ครอบครัวเขาที่ทำให้ได้ไม่ดีพอ (แม่ร้องไห้)”

ทำไมเราถึงรู้สึกว่าอยากขอโทษ ?
ฟิล์ม – “เพราะว่าผมรู้สึกผิดครับที่ทำได้ไม่ดีพอ แล้วก็ผมยังเด็กด้วย คิดว่าจะขอโอกาสจากสังคม คือยังไงผมก็ยังรักลูกของผมนะครับ ก็จะขอโอกาสในการทำงานเพื่อจะส่งเงินไปให้ลูก”

ขออนุญาตย้อนกลับไปถามว่าเรากับฝ่ายหญิงรู้จักกันได้ยังไง ?
ฟิล์ม – “ตอนนั้นผมอยู่ ม.6 และเขาเป็นครูฝึกสอน เราก็ได้คุยกันเรื่องเรียนบวกกับเป็นช่วงที่ผมกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยด้วย เราก็เลยได้พูดคุยกันเรื่อยๆ จนกระทั่งสนิทกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันมากขึ้น ประมาณสองเดือนถึงได้เริ่มต้นคบกันเป็นแฟน”

คุณแม่ทราบไหมเรื่องที่เขาคบกัน ?
แม่ – “ช่วงนั้นไม่ทราบเลยค่ะ มาทราบอีกทีก็คือเป็นข่าวแล้ว ถามว่าตกใจไหมตอนทราบเรื่องนี้ ตกใจค่ะ ตกใจมากและก็สงสารลูกมาก”

พอคุยกันได้สองเดือนแล้วเป็นยังไงต่อในตอนนั้น ?
ฟิล์ม – “จากนั้นก็พาเขามาที่บ้านครับ มาติวเรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่บ้านผม เป็นห้องที่บ้านเลยครับ ซึ่งคุณแม่ก็เคยเห็น”

แต่เมื่อสักครู่นี้คุณแม่บอกว่าเพิ่งทราบเรื่องว่าเด็กสองคนคบกัน ?
แม่ – “ไม่ใช่ค่ะ คือตอนนั้นแม่ทราบว่าเขาเป็นครูฝึกสอนปกติ อีกอย่างเขาเองก็เคยมีแฟนมีป๊อปปี้เลิฟอะไรของเขาปกติอยู่แล้ว ซึ่งตอนนั้นแม่เข้าใจว่าเป็นเพราะฟิล์มขาหักและเขาเรียนไม่ทันเพื่อนในบางวิชา บวกกับฟิล์มแนะนำว่าเด็กคนนี้เป็นครูฝึกสอน อีกอย่างตอนนั้นแม่ทำงานขายของแม่ก็เลยไม่ได้อยู่กับฟิล์มตลอด”

แม่เคยสังเกตุพฤติกรรมเขาสองคนไหมว่ามันดูพิเศษกว่าคนอื่น
แม่ – “ก็มีนะคะ มีบ้าง แต่ก็คิดว่า เอ่อ…ด้วยความที่ตอนนั้นมันนานมาก จากวันนั้น มาถึงวันนี้ เหตุการณ์ในวันนั้นแม่รู้สึกว่ามันนานมาก แต่แม่เองก็รู้ว่าเขาเองมีพฤติกรรมแปลก”

ย้อนกลับไปอีกนิดเราบอกว่าเราคุยกัน 2 เดือน และก็เป็นแฟน จากนั้นเราเริ่มย้ายไปอยู่ด้วยกันเมื่อไหร่ ?
ฟิล์ม – “ตอนนั้นเราก็คบกันไปเรื่อยๆ ครับ ผมยังไม่จบ ม.6 จนกระทั่งผมเกือบจบ ผมถึงได้ทราบว่าเขามีน้อง ตอนนั้นเครียดมากครับ บอกใครไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจออกมาอยู่ข้างนอก มาอยู่ด้วยกัน จนกระทั่งทำงาน ซึ่งผมก็ไม่ได้บอกใคร ไม่ได้บอกแม่เลย”

แต่ก่อนหน้านี้ที่แพร์ออกมาพูด เขาบอกว่าแม่ทราบตั้งแต่เขาท้องได้ 6 เดือน แล้ว เพราะฟิล์มไปสารภาพกับแม่
แม่ – “ไม่ใช่ค่ะ ตอนแรกแม่เข้าใจว่าเป็นหลานของเขาค่ะ คือแม่จะไม่รู้เลยว่าเขาตั้งท้อง หรือว่าฟิล์มอาจจะไปหลอกเขาหรือเปล่าว่าแม่รู้เพื่อจะไม่ให้เขามาที่บ้าน คือแม่ไม่ทราบ แม่ไม่เคยพบเขาเลย ตั้งแต่ฟิล์ม ม.6″

ตอนที่น้องพอร์ชอายุได้ขวบกว่าๆ คุณแม่เคยไปพบน้องบ้างไหม ?
แม่ – “ไม่ได้พบนะคะ แม่จะเห็นจากในเฟสบุ๊คมากกว่า และก็คิดว่าเป็นหลาน คิดว่าเป็นหลานของน้องเขา”

ตอนนั้นแม่ไม่สงสัยในความสัมพันธ์ของเขาสองคนเลยเหรอ ?
แม่ – “คือฟิล์มเขาก็จะมีแฟน มีป๊อปปี้เลิฟแบบนี้อยู่แล้ว แต่ก็อย่างเขาสองคนก็ไม่ค่อยมาบ้านหรือเราไม่ระแวง เพราะเขาก็ไปอยู่หอ มันเลยทำให้เราไม่รู้ว่าเขาไปเกิดอะไรขึ้น ฟิล์มบอกแม่ว่าแค่ขอไปอยู่หอเฉยๆ”

แม่ได้ตามไปดูที่หอบ้างไหมว่าลูกเป็นอยู่ยังไง ?
แม่ – “ตามไปบ้างค่ะ ก็คือจะเช่าให้เขาใกล้ๆ โรงเรียนเลย แต่ตอนไปก็ไม่เคยเจอแพร์ แม่ยอมรับนะว่าแม่ไม่ค่อยไปดู”

เหตุผลที่เราปิดเรื่องนี้กับแม่เพราะอะไร ?
ฟิล์ม – “ผมคิดถึงความรู้สึกแม่ครับ คือเขาตั้งความหวังไว้ค่อนข้างสูง ผมไม่อยากให้เขาเสียใจ”

แต่มันก็มีข่าวนะว่าแม่ทราบนานแล้วว่าเรามีลูก เพราะน้องสาวของแม่ที่เป็นน้าเราก็ยังคุยกันแพร์ตลอดเรื่องลูก ?
แม่ – “ถ้าน้องสาวอาจจะทราบก่อนหน้านี้ค่ะ แต่ถ้าเป็นแม่ แม่อาจจะไม่ทราบเพราะเขาไม่เล่าอะไรให้ฟังเลย คือในความเขาเขา เขาจะคิดว่าเล่าให้แม่ฟังไม่ได้”

เราอยู่กับแพร์นานแค่ไหน ?
ฟิล์ม – “อยู่ด้วยกันมาทั้งหมด 3 ปี ครับ แต่ช่วงที่มีปัญหาหนักจริงๆ คือช่วงหลัง ผมถึงได้ตัดสินใจว่าเดินออกมาดีกว่า คือมันมีหลายอย่างมาก ซึ่งหนึ่งในนั้นมันก็มีการหึงกันด้วย แต่ก็แบบวัยรุ่นทะเลาะกัน”

หลักๆ เป็นเพราะเราเข้าวงการด้วยไหม ?
ฟิล์ม – “อันนั้นผมขอบอกไว้ตรงนี้ว่า ผมทำงาน ผมทั้งตั้งจะเอาเงินที่ได้มาส่งเสียเขา ก็คือคิดว่าเอางานก่อน”

เราแต่งงานกันตอนไหน ?
ฟิล์ม – “ตอนนั้นอายุ 19 ครับ หลังจากที่มีลูกแล้ว ตอนที่แต่งงานผมก็ไม่ได้แจ้งทางครอบครัวผมเลย ครอบครัวฝ่ายหญิงเป็นคนจัดการให้ทั้งหมด เพราะเขาเป็นห่วงความรู้สึกของลูกเราสองคนว่าถ้าเด็กโตขึ้นมา เขาจะได้มีสตอรี่ว่าพ่อแม่แต่งงานกันแล้ว”

หลายคนอาจสงสัยว่าเป็นเพราะเราไม่อยากแต่งหรือเปล่า ถึงต้องให้ครอบครัวฝ่ายหญิงเป็นคนจัดการ ?
ฟิล์ – “คือผมก็แต่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบนะครับ แต่ว่าผมก็ยังไม่พร้อมจะบอกทางครอบครัวผม”

ตอนนั้นฝ่ายหญิงเขาไม่ได้เรียกร้องเลยเหรอว่าอยากให้ผู้ใหญ่ฝ่ายเรามารับรู้ ?
ฟิล์ม – “เขาก็อยากให้มาครับ แต่ผมก็บอกว่าไม่ว่าง ไม่สะดวก ไม่มีผู้ใหญ่ทางฝั่งผมไปร่วมงานเลย”

ถามถึงเรื่องทำร้ายลูก ตอนนี้หลายคนสงสัยว่าเราทำร้ายจริงไหม ?
ฟิล์ม – “ไม่ครับ ไม่ได้ทำแน่นอน”

เราไม่เคยเห็นลูกตัวช้ำตัวเขียวเลยเหรอ ?
ฟิล์ม – “ถ้ามากขนาดนี้ไม่เคยครับ”

แต่วันที่แพร์แถลง เขาบอกว่าวันนั้นฟิล์มยังกราบเท้าขอโทษโอกาสจากแม่เขาอยู่เลย เพราะแม่เขาจะแจ้งความ ?
ฟิล์ม – “ไม่มีครับ อันนั้นไม่มีครับ”

วันนั้นที่แพร์ไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ เราได้อยู่กับลูกไหม ?
ฟิล์ม – “เขาฝากลูกไว้กับผมและก็ลงไปซื้อของหลายครั้งครับ แต่ครั้งนี้ผมไม่รู้จริงๆ ผมไม่เคยเห็นเลยครับ”

ตั้งแต่เราเคยเลี้ยงลูกมาเราเคยทำร้ายเขาจนตัวช้ำตัวเขียวไหม เคยตีลูกไหม ?
ฟิล์ม – “เท่าที่ผมเคยเลี้ยงมา ก็จะมีตีตอนเขาประมาณขวบต้นๆ แล้ว เขาซนแล้ว เขาหยิบนู่นเล่นนี่ ซึ่งผมก็อยากจะฝึกเขาด้วย”

เด็กในภาพที่ตัวเขียวตัวช้ำนี่ใช่ลูกเราหรือเปล่า ?
ฟิล์ม – “ใช่ครับ”

แล้วพอลูกเราเขียวช้ำขนาดนี้ แม่เด็กเคยมาเล่าไหมว่ามันเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับลูกนะ ?
ฟิล์ม – “ไม่ทราบเลยครับ ไม่เคยเห็นรูปนี้เลย”

สรุปก็คือตอนนี้เรากำลังจะบอกว่าแพร์โกหกว่าเราทำร้ายลูก ?
ฟิล์ม – “อันนี้ขออนุญาตไม่พูดถึงละกันครับ ผมไม่ทราบจริงๆ”

ถ้าหากเกิดแพร์มีหลักฐานขึ้นมาเราจะทำยังไง ?
ฟิล์ม – “คือมันไม่ใช่แน่นอน”

ตอนนี้ก็แสดงว่ามันมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโกหกแล้วอันนี้เรามีอะไรอยากจะบอกบ้าง ?
ฟิล์ม – “ผมก็ไม่ทราบจริงๆ เพราะผมไม่อยู่ ส่วนตอนที่ผมทะเลาะกับเขาก็คือเราหึงกันหวงกัน ด้วยความที่เราเป็นเด็กในตอนนั้นมันก็ผิดพลาดในเรื่องของการใช้ชีวิตคู่ครับ ซึ่งตัวผมเองก็เสียใจ ผมไม่เคยเห็นเลยรูปนี้”

จริงๆ ตัวเราเองเป็นคนอารมณ์รุงแรงใจร้านอย่างที่เขาบอกไหม ?
ฟิล์ม – “ผมใจร้อนครับ แต่ไม่เคยทำร้ายร่างกายถึงขั้นนี้ ยอมรับครับว่ามีผลัก แต่ถ้าหากผมโมโหผมก็จะรู้ตัวและเดินออกนอกห้องไป ผมยืนยันว่าไม่มีการเมาแน่นอนด้วย”
แม่ – “แม่มีเอกสารโชว์ผลตรวจสารเสพย์ติดในตัวฟิล์ม ซึ่งก็คือไม่มี และปกติเวลาที่ฟิล์มเขาอยู่มัธยมเขาก็จะบริจาคเลือดบ่อยอยู่แล้ว ซึ่งถ้าหากว่าเขามีสารเสพย์ติดจริง เขาจะบริจาคเลือดได้ยังไงใช่ไหมคะ”

เรายืนยันว่าเราไม่ได้ทำลูก และเราคิดว่าแพร์สร้างเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม ?
ฟิล์ม – “โดยส่วนตัวผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับว่าเขาคิดยังไง”

เรามีคนอื่นจริงไหมตอนที่คบกัน ?
ฟิล์ม – “มันก็ยังวัยรุ่นอยู่อ่ะครับ มันก็มีความผิดพลาดในเรื่องการอยู่ด้วยกัน เข้ากันไม่ได้ แต่ผมก็ยังรักลูกก็ยังอยู่ เขาน่ารักครับ”

แล้วจริงหรือเปล่าที่เราไปบอกเลิกแพร์แล้ว แต่ก็ยังกลับมาพูดกลับมาบอกรักเขาอยู่เรื่อยๆ จนเขาตัดใจไม่ได้ ?
ฟิล์ม – “ผมยังไปหาจริงครับ แต่ผมไปหาลูกเพราะผมก็คิดถึงลูก แต่ถามว่าผมหยอดไหม ผมไม่ได้หยอดครับ ผมเป็นห่วงลูกมากกว่าว่าเขาจะทำอะไร เพราะลูกอยู่กับเขาไงครับ ผมก็อยากให้ลูกมาอยู่ที่ผม แต่คือเขาจะทำอะไรปุป ผมก็เป็นห่วงว่า เอ่อเดี๋ยวมันจะมีผลกระทบกับลูก เช่น เป็นห่วงว่าเขาจะไม่มีเวลาเลี้ยง หรือถ้าเขามีคนใหม่ก็อยากให้เป็นคนดี”

เราบอกว่าอยากให้ลูกมาอยู่กับเรา แบบนี้เรามีเวลาเลี้ยงเหรอ ขนาดตอนนี้ยังไม่มีเวลาเลย ?
ฟิล์ม – “ก็ยังได้อยู่ครับ ยังไหว สามารถที่จะดูแลได้”

ที่แพร์บอกว่าเราจะเข้าวงการและก็ขอเลิกอันนี้ยังไง ?
ฟิล์ม – “ไม่เกี่ยวครับ”

แต่จากพฤติกรรมการปกปิดมาตลอดมันก็ส่อไปได้นะว่าสิ่งที่เขาพูดมันอาจจะมีมูล ?
ฟิล์ม – “ในตอนแรกก็ปกปิดเฉพาะครอบครัวครับ เพราะผมกลัวท่านจะเสียใจ แต่พอเข้าวงการแล้วเนี่ย ผมคิดว่าผมทำเพื่อเขามากกว่า คือผมคิดว่าวันหนึ่งก็คงต้องเปิดอยู่ดีครับ”

วันนี้เราสามารถยืนยันได้ไหมว่าสิ่งที่เราพูดคือความจริง ?
ฟิล์ม – “ความจริงครับ ไม่มีบิดเบือน”

ค่าเลี้ยงดูลูกจากนี้เราจะยังส่งเหมือนเดิมไหม ?
ฟิล์ม – “เหมือนเดิมครับ หลังจากนี้ก็จะยังเป็นเหมือนเดิม ที่ผ่านมาผมเคยส่งให้เขาน้อยสุดคือ 8,000 บาท และมากที่สุดคือ 12,000 บาทครับ แต่ผมก็ส่งมาตลอด ซึ่งตัวเขาเองก็พอใจกับจำนวนเงินที่ส่งไป”

หลังจากเกิดเรื่องราวต่างๆ เราได้ติดต่อไปหาเขาบ้างไหม ?
ฟิล์ม – “ไม่มีครับ เพราะว่าเขาบล็อคเบอร์ผม และที่ผมออกมาวันนี้ผมก็อยากจะขอโทษที่ทำไม่ดีไป ทำผิดทุกอย่าง ผมพร้อมยอมรับทุกอย่างที่เป็นความผิดครับ”

ทางต้นสังกัดเราว่ายังไงบ้าง ?
ฟิล์ม – “ยังไม่ทราบเลยครับว่าจะยังไงต่อไป ยังไม่ได้คุยกับพี่หน่องเลย”

ตอนนี้ต้นสังกัดของเราคือที่ไหน ?
ฟิล์ม – “บรอดคาซท์ ครับ”

เราได้ติดต่อไปหาที่หน่องบ้างหรือยัง ?
ฟิล์ม – “ก็มีส่งข้อความไปขอโทษครับ แต่ยังไม่ได้เข้าไปคุยด้วยตัวเอง”

ทราบหรือยังเรื่องที่พี่เขาเบรคงานเรา ?
ฟิล์ม – “ไม่ทราบเลยครับ เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องผมก็ปิดทุกอย่างเลย”

พอมีข่าวว่าเราเบรคงานเราไปแล้ว แบบนี้ชีวิตในวงการเราจะทำยังไงต่อไป ?
ฟิล์ม – “ผมก็คงต้องขอโอกาสกับทุกคนครับ”

สัญญายังเหลืออีกเยอะไหม ?
ฟิล์ม – “อีกประมาณ 2 ปี ครับ”

จากนี้เราจะทำยังไงต่อไป ?
แม่ – “แม่อยากให้จบเรื่องค่ะ แม่อยากให้ลองคิดดูว่าตอนที่คุณอายุสิบแปด คุณคิดอะไรกันอยู่ คุณมีความรู้สึกนึกคิดยังไงกับภาวะที่กดดันตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเรียน และต้องมารับผิดชอบเรื่องครอบครัวอีก”

มีโอกาสไหมที่แม่จะเป็นตัวกลางประสานสองครอบครัวให้ได้คุยกัน ?
แม่ – “ถ้าเป็นตอนนี้แน่นอนค่ะ คุณแม่ยินดีรับผิดชอบ และแม่ก็อยากบอกน้องแพร์ด้วยว่าน้องพอร์ชเขาน่ารัก อยากให้พามาหาแม่บ้าง แม่ยินดีรับผิดชอบ ที่บ้านรับรู้หมดแล้ว แม่ไม่โกรธฟิล์มเพราะฟิล์มทำเพราะความรู้สึกของครอบครัว แม่ยินดีรับผิดชอบในส่วนของหลาน ยินดีพบเจอ และอยากจะกอดเขาด้วย แม่รักเขาค่ะ”

เห็นว่าฟิล์มเองก็เครียดมากกับขาวถึงขั้นอยากฆ่าตัวตาย ?
ฟิล์ม – “ใช่ครับ แต่ว่าตอนนี้ได้กำลังจากครอบครัวก็คงสู้ต่อไปครับ”

เห็นว่าเราเครียดหนักถึงขั้นโทรไปต่อว่าพ่อที่พ่อโพสต์เฟสบุ๊คด้วย ให้พ่อลบโพสต์ ?
ฟิล์ม – “แค่อยากให้เขาคุยกับเรามากกว่าครับ”

พอน้องเขารู้สึกว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่แบบนั้นแม่รู้สึกยังไงบ้าง ?
แม่ – “(ร้องไห้) เป็นเรื่องที่สะเทือนใจที่สุดค่ะ เขามีค่ามากสำหรับชีวิตเราค่ะ”

สุดท้ายฟิล์มอยากจะพูดอะไรกับสังคมที่อาจจะไม่เข้าใจเรื่องนี้ไหม ?
ฟิล์ม – “(น้ำตาคลอ) ผมก็อยากจะขอโทษแม่ ขอโทษทุกคนนะครับ ขอโทษทุกคนในสังคมนี้ ขอโทษแพร์และครอบครัวของแพร์ที่ผมได้ทำผิดไป ผมพร้อมยอมรับทุกอย่างครับ และผมก็อยากฝากเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกๆ ครอบครัวว่าให้สอนลูกเรื่องรักในวัยเรียน หากเรายังไม่พร้อมก็ควรที่จะเรียนจบก่อน ควรทำงานก่อน ทำให้ชีวิตพร้อมก่อนดีกว่า”

เราคิดไหมว่าการที่เราออกมาพูด ออกมาขอโทษครั้งนี้จะทำให้คนในสังคมให้อภัยเรา ?
ฟิล์ม – “คงต้องขออนุญาตขอโอกาสครับ”
แม่ – “ขอให้จบเถอะค่ะ มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะต่างคนต่างก็เจ็บปวดกับเรื่องนี้มากถึงขั้นชีวิต ถึงขั้นจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ รวมทั้งครอบครัวของแม่ และครอบครัวของน้องเขา มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะมาสาดโคลนใส่กัน ตัวแม่เองก็จะไม่เอาผิด เอาความใดๆ อีกด้วย แถมเรื่องหลานแม่เองก็ดีใจและยินดียอมรับค่ะ”


ขอขอบคุณข่าวจาก